ตู้ลำโพง เกร็ดความรู้
ตู้ลำโพง ยินดีต้อนรับสู่ คู่มือ แนะนำระบบเสียง PA ออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุด AT Prosound พร้อมมอบความรู้แก่ทุกท่านที่สนใจ เนื้อหาครั้งนี้เป็นการรวบรวมเอา เกร็ดความรู้ เรื่องที่น่ารู้เกี่ยวกับลำโพง มาให้ได้อ่านดังต่อไปนี้
สารบัญ ลำโพง เกร็ดความรู้
- How to delay speakers (การตั้งค่า Delay ลำโพงดิเลย์)
- 5 เคล็ดลับการจัดวางลำโพงมอนิเตอร์
- ลำโพงซับแบบแขวน
- วางซับแบบFlown Subwoofer
- การวางลำโพงมอเนิเตอร์ เลี่ยงเสียงสะท้อน
- Pink Noise คืออะไร
- ตู้ลำโพงสูตรต่าง คาแรคเตอร์เสียงก็ย่อมต่าง
- ตู้ลำโพง กับมุมกระจายเสียง
- วิธีวัดตู้ลำโพงแบบ Ground Plane
- การใส่ใยแก้วในตู้ลำโพง
- Ground Stack Line array ต้องตั้งอย่างไร
- Electro-Voice ZLX12 และ 12BT ต่างกันยังไง
- วัดค่าดอกลำโพงด้วย DATS
- จุดเด่นของลำโพง Coaxial
- เพิ่มลำโพง แล้วดังเท่าไหร่
- ความดังเสียง Point Source VS Line array
- ชื่อเรียกตำแหน่งลำโพง
- ปากแหลม 2 ชนิดต่างกันอย่างไร Point Source VS Line array
- ซับเดี่ยว 2 ใบ VS ซับคู่ 1 ใบ
- หน้าที่อุปกรณ์เน็ตเวิร์คในตู้ลำโพง
- การทำงานของลำโพงคอลัมน์ใน EV Evolve 50
- เหตุผลที่ไลน์อาเรย์ไม่ควรใช้น้อยใบ
- ตู้พอยท์ซอร์ส วางคู่กันอย่างไร
- การเปลี่ยนทิศทางที่ตรงกัน
- ตั้งลำโพงไลน์อาเรย์ยังไงให้คุมพื้นที่
- ลำโพง Active VS Passive
- ทำไมซับแบบ Active ถึงได้รับความนิยมสูง
- ปัจจัยการทำให้หมาด ๆ
- Watt เยอะ ไม่ได้แปลว่าดังเสมอไป
- ต่อแบบผสมป้องกันว๊อยซ์ขาดง่าย
- ตู้สี่ใบ กลับเฟสใบเดียว เสียงเบาลงเท่าไร?
- NEXUS CD 18
- Genelec ลำโพงสุดฟินจากฟินแลนด์
- เปรียบเทียบตู้พอยท์ซอร์สแอคทีฟ 12 นิ้ว
- ทำ Cardioid Subwoofer
- โฮมเธียเตอร์ vs ซาวด์บาร์
- เทียบให้ดู “ลำโพง 15 นิ้ว ราคาหมื่นกว่าๆ”
- หน้าที่ดอกข้างตู้
- ดอกโครงปั๊ม vs ดอกโครงหล่อ
- อยากดังแต่ทำไมถึงไม่นิยมดอกใหญ่
- วัตต์ RMS VS AES
- ทำไมรถแห่คันนี้แนวคิดไม่เหมือนเขา
- ทำไมเสียงแหลม Ribbon ให้ความถี่สูง
- ปากไลน์อาเรย์
- Genelec แบรนด์โปรดของนักทำซาวด์
- ตู้ไลน์อาเรย์ หรือ ตู้แขวน
- ตู้ไลน์อาเรย์ ทำไมถึงวางแนวตั้งได้
- เฟสปลั๊กทรงแปลก
- ซับกับกลาง..หันไปคนละทิศ
- มิกซ์บนPA VS มิกซ์ในหูฟัง
- ปากแหลมโค้งเสียงออกดีหรือ?
- ทำไมถึงไม่เลือกวางตู้ซับแบบอื่น วางเรียงกันยาวๆได้ไหม
- การแขวนตู้ก่อนยุคไลน์อาเรย์
- ใช้คอลัมน์แทนฮอร์น
- เจ้าพ่อ พอยท์ซอร์ส
- ตู้กลางแหลมใช้เน็ตเวิร์ค VS ขับแยกแอมป์
- ทำไมต้องแขวนซับ ?
- เหตุผลที่แขวนซับไว้ข้างบน
- ซื้อเน็ตเวิร์คใส่ตู้ ต้องรู้อะไรบ้าง
- ทำไมตู้เมืองนอกถึงให้ความสำคัญกับชุดแขวนลำโพง
- หันหน้า 3 ใบ หันหลัง 1 ใบ ล้างเสียงข้างหลังหมดจริงหรือ
- พรีดิกมุมโดย Ease focus
- Inclinometer เลเซอร์วัดมุม
- วางซับพื้น VS ยกลอย
- ทำไมตู้ถึงก๊อปกันไม่ได้ง่ายๆ
- แล้วเสียงมันจะออกไหวมั้ย ตู้แบบนี้?
- ตู้ Multi Point Source
- สไปเดอร์ 2 ชั้น ดีจริงหรือ ?
- เล่นเครื่องเสียง 2 โอห์ม เพราะอะไร
- การตั้ง Ground Stack
- ออกงานทุกครั้ง ต้องจูนลำโพงทุกครั้ง
- “ซับวูฟเฟอร์ ซ้อน 3 ชั้นเพื่อให้ข้างหลังเงียบไปอีกขั้น”
- ทำไมจึงไม่มีตู้สูตรไหน..ที่สมบูรณ์แบบที่สุด
- หากใช้ตู้ซับวูฟเฟอร์หลายสูตรรวมกัน จะเกิดอะไร
- ทำไมต้องมีเฟสปลั๊กหน้าดอกลำโพง
- ไลน์อาเรย์ แขวนสูงดีหรือไม่
- ระบบเสียงที่ดีต้องมีมิติ
- แอมป์ขับข้างละ 2 หรือ 4 ดอกอันไหนดีกว่ากัน?
- วัดเสียงแบบกราวด์เพลน Ground Plane
- ซับคาร์ดิออย Inverted Stack
- ลำโพง Front Fill จำเป็นต้องมีไหม
- “ลำโพงใบเล็กใน Sound System ใหญ่ๆ ที่หลายคนสงสัย?”
- โอห์ม กับ โวลต์ไลน์ ต่างกันอย่างไร
- “ค่าโอห์มและวัตต์ของดอกลำโพง บอกอะไรเราบ้าง”
- ทำไมตู้แบนพาสออเดอร์6เสียงดังแต่เสียงแข็ง
- ทำความรู้จัก ระบบประกาศไร้สาย
- ทำไมคนไทยถึงรู้จัก JBL มากกว่ายี่ห้ออื่น
- เหตุผลที่ตู้ l-acoustics ราคาสูง และไม่มีนโยบายเปิดเผยราคา
- ตู้ลำโพง Point source วางต่างกัน เสียงก็ต่างกัน
- ซับวูฟเฟอร์แขวนท้ายเสียงเนียน แถมกำหนดจุดให้ซับลงได้
- Bi – Amp ต่ออย่างไร?
- ตู้เสียงกลางแบบฮอร์นโหลดซ้อนเสียงแหลม
- ทำไมไลน์อาเรย์แขวนคู่ได้
- ทำไมต้องใส่ใยแก้วในตู้ลำโพง ใส่แล้วดีอย่างไรบ้าง
- เทคนิคการแก้ปัญหา เสียงก้องด้วยลำโพงให้ได้เสียงคุณภาพ
- ทำไมโวลต์ไลน์ถึงส่งสัญญาณได้ไกลมาก
- วัตต์ของดอกลำโพง มี 3 ค่า
- เหตุผลที่เลือกต่อ 4 ohm ดีอย่างไร
- เทคนิคการเลือกตู้ลำโพง Active
- ความแตกต่างของการวางลำโพงซับวูฟเฟอร์ 2 แบบ
- กลับตู้ใบล่าง พอร์ตชนพอร์ตเพื่ออะไร
- วางตู้ลำโพงอย่างไรให้เสียงดังขึ้น
- เหตุผลทำไมต้องมีตู้ลำโพงมอนิเตอร์
- ทำไมจูนเสียงต้องดีเลย์ซับ
1.How to delay speakers ( ความรู้ลำโพง การตั้งค่า Delay ลำโพงดิเลย์)
ลำโพง ชุดเล็กๆ ที่ตั้งอยู่ด้านหน้าลำโพงชุดหลัก ในงานคอนเสิร์ตขนาดใหญ่ เรียกว่า “ลำโพงดีเลย์” มีเพื่อให้ระบบเสียง สามารถครอบคลุมพื้นที่ได้ไกลๆ ช่วยเพิ่มความดัง เเละความชัดเจนให้กับลำโพงหลัก ที่เสียงส่งไปไม่ถึง
โดย ลำโพงดีเลย์ จะตั้งไว้อย่างเดียวไม่ได้ ต้องหน่วงสัญญาณเสียงที่ป้อนให้ชุดลำโพง Delay ด้วย เพื่อให้เสียงจากลำโพงดีเลย์ มาถึงผู้ฟังพร้อมกันกับ เสียงจากชุดลำโพงหลัก
คำนวณได้จาก ระยะห่างระหว่างลำโพงหลัก และลำโพงดีเลย์ (หน่วยเป็นเมตร) หารด้วยความเร็วเสียงในอากาศ หรือ 331+(0.6t) โดย t คืออุณหภูมิ หน่วยองศาเซลเซียส เช่น ลำโพงในภาพตั้งห่างกัน 40 เมตร โดยขณะนั้น มีอุณหภูมิอยู่ 25 องศาเซลเซียส
วิธีคิด
ค่าความหน่วง = 40÷(331+(0.6×25)
จะได้ผลลัพธ์การตั้งค่าความหน่วงคือ 0.1156 วินาที(s) หรือ 115.6 ms นั้นเอง
2. 5Trick ตำแหน่งการวางลำโพงมอนิเตอร์
เพลงที่มิกซ์ได้ดี ไม่ว่าจะฟังจากลำโพงเซตใด หรือระบบเสียงไหนๆก็ตาม ก็จะต้องออกมาใช้งานได้
ในขั้นตอนการมิกซ์เสียง จึงต้องมีการเซต และการปรับค่าลำโพงให้ถูกต้อง
ถ้าเกิดว่าเสียงย่านต่ำมากเกินไป ให้ขยับ ลำโพง ออกจากกำแพง หรือผนังห้อง จะช่วยลดปัญหาย่านเสียงต่ำได้ การปรับค่าต่าง ๆ บนลำโพงไม่ว่าจะเป็นการ บูสย่านเสียงแหลม หรือคัทย่านเสียงต่ำ สามารถทำได้ เพื่อให้เสียงที่ได้เป็นกลางมากที่สุด
ขอบคุณข้อมูลดี ๆ จาก 5 ทริค ที่ควรรู้ในการวางลำโพงสตูดิโอมอนิเตอร์
3.ลำโพงซับแบบแขวน
ลำโพงซับแบบแขวน หรือ (Flown Subwoofer) คือ เทคนิคการเเขวน ตู้ลำโพงซับวูฟเฟอร์ ไว้ด้านบน ในระดับที่ใกล้เคียงกับตู้ลำโพงไลน์อาเรย์
เนื่องจากการวางลำโพงแบบธรรมดา ผู้ฟังอาจจะอยู่ใกล้กับตู้ลำโพงซับวูฟเฟอร์ มากกว่าลำโพงกลางแหลม เสียงในแต่ละย่านความถี่ จึงเดินทางมาถึงผู้ฟังไม่พร้อมกัน Flown Subwoofer หรือการวางซับแบบแขวน จึงถูกออกแบบมาเพื่อแก้ไขความถี่เสียงในย่าน Low ที่มาไม่พร้อมกันกับย่าน Mid Hi โดยการวางลำโพง ให้มีจุดกำเนิดเสียงที่ใกล้กัน เพื่อให้เสียงที่ส่งถึงผู้ฟังในแต่ละพื้นที่ มีความใกล้เคียงกันนั่นเอง
4.วางซับแบบFlown Subwoofer
5.การวางลำโพงมอเนิเตอร์ เลี่ยงเสียงสะท้อน
เสียงสะท้อนกับวัตถุผิวแข็งเสมือนกับแสงที่สะท้อนกับกระจก
เมื่อเสียงลำโพงรวมกับเสียงที่สะท้อน ยิ่งทำให้เสียงที่ออกมาผิดเพี้ยนได้
อ่านเพิ่มเติมได้ที่ 5 ทริค ที่ควรรู้ในการวางลำโพงสตูดิโอมอนิเตอร์
6.Pink Noise คืออะไร
เสียงดัง ซู่ ซ่า.. คล้ายเสียงฝน ที่ใช้เปิดตอนวัดจูนเสียง เรียกว่า Pink noise (พิ้งค์นอยซ์) เป็นเสียงที่ส่งสัญญาณออกมาพร้อมกันตั้งแต่ ความถี่ 20 Hz – 20 kHz และจะมีความดังเท่ากันทุกความถี่
จึงถูกนำมาใช้ทดสอบ การตอบสนองความถี่ของลำโพง เพื่อจูนระบบเสียง เพราะเป็นสัญญาณที่มีความเที่ยงตรง
นอกจากนี้ มีการวิจัยพบว่าเสียง Pink noise จะทำให้เรานอนหลับได้ดีขึ้นด้วย
7.ตู้ลำโพงสูตรต่าง คาแรคเตอร์เสียงก็ย่อมต่าง
ความรู้ลำโพง สูตรต่าง คาแรคเตอร์เสียงก็ย่อมต่าง
ตู้ปิด ตู้เปิด ตู้แบนพาส
ใครชอบสูตรไหนมากกว่ากัน
ขอบคุณรูปภาพจาก pioneer-india
8.ตู้ลำโพง กับมุมกระจายเสียง
ความรู้ลำโพง ต่างชนิดกัน มุมกระจายเสียง
ย่อมต่างกัน และใช้งานลักษณะต่างกันครับผม
9.วิธีวัดตู้ลำโพงแบบ Ground Plane
วิธีวัดตู้ลำโพงแบบ Ground Plane
-ตั้งลำโพงไว้ที่พื้นเรียบแข็งพร้อมก้มมุมลำโพงเฉียงลงพื้น
-วางไมค์ RTA ไว้บนแผ่นกระจกหรือแผ่นเรียบเเข็ง ระยะห่างจากตู้โดยกึ่งกลางตู้หันมากลางไมค์ RTA พอดี
ข้อดีของการวัดลักษณะนี้คือ ช่วยลดการสะท้อนเสียงจากพื้นได้ค่อนข้างดี โดยเฉพาะความถี่สูง
10.การใส่ใยแก้วในตู้ลำโพง
เคยเจอหรือไม่? ความถี่รบกวนเสียงเพี้ยนๆ ที่หาสาเหตุไม่เจอตอนวัดจูนตู้ประกอบเอง บางทีก็มาจากที่ไม่มีใยแก้วนี่แหละครับ
ตู้ลำโพงที่ดี ต้องมีใยสังเคราะห์ในตู้ลำโพง เพื่อช่วยลดการสะท้อนของเสียงภายในตู้
ไม้ เป็นวัสดุผิวเรียบเเข็งเกิดการสะท้อนง่าย และในตู้ยังเกิด Resonance (การสั่นพ้อง) ง่ายอีก ผู้ผลิตจึงใส่ใยแก้วเข้าไปตามปริมาตรและการคำนวณ ส่วนใหญ่ที่เคยเห็นจะมีลักษณะนิ่มๆ แผ่นหนาๆ ทำหน้าที่ดูดซับพลังงานภายในตู้ เพิ่มความต้านทานอากาศภายในตู้
11.Ground Stack Line array ต้องตั้งอย่างไร
Ground Stack ต้องตั้งอย่างไร
ไม่มีผิดถูก ที่เวลาGround Stack จะต้องตั้งมุมไลน์อาเรย์ตรงหรือโค้งเท่านั้น เพราะมีข้อแตกต่างกันคือ
ตั้งตรง
-ความดังมาก ณ จุดกึ่งกลางลำโพง
-มุมกระจายเสียงแคบ ยิงได้ไกล
-โทนเสียงไม่สม่ำเสมอ ต่างกันเมื่อต่างระยะการรับฟัง
ตั้งโค้ง
-ความดังค่อนข้างสม่ำเสมอ ถ้าพรีดิกมุมลำโพงได้ถูกต้อง
-มุมกระจายเสียงกว้าง ยิงไม่ไกลเท่าตั้งตรง
-โทนเสียงค่อนข้างสม่ำเสมอ เมื่อฟังที่ระยะต่างกัน
การตั้งทั้งสองแบบ มีข้อดีข้อเสียแตกต่างกันเสมอ ไม่มีรูปแบบไหนดีที่สุด มีเพียงแค่แบบไหน เหมาะสมกับลักษณะการใช้งานมากกว่ากันเท่านั้น
กลับสู่สารบัญ
12.Electro-Voice ZLX12 และ 12BT ต่างกันยังไง
เป็นรุ่นขายดีจริงๆ หากใครเคยได้ฟังเสียงของแบรนด์ EV ต้องบอกว่าฟังแล้วเคลิ้มจริงครับ ไฮโซหรูหรามาก
ตัวตู้ทำด้วยไฟเบอร์ เป็นลำโพง 2-Way ขนาดดอกลำโพง 12 นิ้ว Woofer, เสียงแหลม 1.5 นิ้ว Titanium Compression Driver, มีกำลังขยายในตัว 1000 วัตต์, ตอบสนองความถี่ 82 Hz – 18 kHz
13.วัดค่าดอกลำโพงด้วย DATS
วัดค่าดอกลำโพงด้วย DATS แล้วเอาดินน้ำมันถ่วงหน้าดอกลำโพง เป็นเทคนิคอย่างหนึ่ง เพื่อจำลองหาค่าการยับยั้งของกรวยลำโพงโดยใช้ “น้ำหนัก”ของดินน้ำมัน แทน”แรงอัดอากาศ”
14.จุดเด่นของลำโพง Coaxial
จุดเด่นของลำโพง Coaxial
ดอกลำโพง 2 ชุดขึ้นไป ที่รวมร่างอยู่ในแกนเดียวกัน ดอกใหญ่ให้เสียงต่ำ ดอกเล็กด้านในให้ความถี่สูง เรียกว่าดอกลำโพงโคแอ๊กเชียล (Coaxial)
จุดเด่นคือ แหล่งกำเนิดเสียงอยู่เกือบชิดกัน ทำให้คลื่นเสียงเดินทางถึงหูคนฟัง แทบจะพร้อมกันทุกย่านความถี่ โทนเสียงก็จะใกล้เคียงกันมากๆ ไม่เกิดการหักล้างทางเฟส ไม่ว่าคนฟังจะเดินไปอยู่ที่ไหนก็ตาม
นิยมใช้ทำลำโพงงานประกาศ ลำโพงเพดาน ลำโพงมอนิเตอร์ แต่ไม่นิยมเอามาทำลำโพงที่ต้องการความดังสูง เพราะด้วยลักษณะทางกายภาพที่ซับซ้อนกว่าลำโพงแบบ Component ความคล่องตัวในการสั่นไหวน้อยกว่า ความดังจึงเป็นรองนั่นเองครับ
15.เพิ่มลำโพง แล้วดังเท่าไหร่
เพิ่มลำโพง แล้วดังเท่าไหร่
(100+100 = 200)
แต่ถ้าเป็นความดัง 100dB+100dB จะได้เพียง 103-106dB เท่านั้น
ถ้าดังได้ 103dB ก็คือเฟส Random (ตรงกันบ้างไม่ตรงกันบ้าง)
ถ้าดังได้ 106dB แสดงว่าเฟสตรงกันเป๊ะๆ (เสริมกันแบบสมบูรณ์)
เพราะค่า dB หรือระดับความเข้มของเสียง ไม่ได้คิดเหมือนตัวเลขธรรมดา แต่ใช้ระบบลอการิทึมมาคิดนั่นเอง
16.ความดังเสียง Point Source VS Line array
มุมกระจายเสียง มีผลต่อความดังหรือไม่
พอยท์ซอร์ส มุมกว้างแต่ดังใกล้
ไลน์ซอร์ส มุมแคบแต่ดังไกล
มุมกระจายเสียง มีผลต่อความดัง ระยะห่างเท่ากันแต่ความดังไม่เท่ากัน เมื่อลองวัดที่ความถี่เดียวกันอย่างเช่น1Khz จะเห็นได้ชัดมากๆ
กลับสู่สารบัญ
17.ชื่อเรียกตำแหน่งลำโพง
ชื่อเรียกตำแหน่งลำโพง
ศัพท์ทางเทคนิค สำหรับเรียกชื่อลำโพง ตามตำแหน่งที่ตั้งในงานคอนเสิร์ตขนาดใหญ่
กลับสู่สารบัญ
18.ปากแหลม 2 ชนิดต่างกันอย่างไร Point Source VS Line array
ปากแหลม 2 ชนิดต่างกันอย่างไร
ปากเสียงแหลมที่ใส่ในตู้ 2 แบบ เสียงต่างกัน มุมกระจายก็ต่างกัน อย่าใส่สลับกัน
กลับสู่สารบัญ
19.ซับเดี่ยว 2 ใบ VS ซับคู่ 1 ใบ
ซับเดี่ยว 2 ใบ VS ซับคู่ 1 ใบ
“ส่วนใหญ่” แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า “ทั้งหมด”
ซับเดี่ยว2ใบ กับซับคู่1ใบ ประเด็นนี้น่าสงสัย ว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร แต่สรุป..ก็ไม่มีกฏเกณฑ์ตายตัว
ยกตัวอย่าง กรณีตู้เดี่ยวด้านซ้ายรุ่น(XXX) 1ใบ มี MAX SPL 139 dB
ถ้าทำให้ดังได้มากสุดเท่าที่จะทำได้ เพิ่ม 6 dB จะได้ 145 dB
ส่วนตู้คู่ใบขวารุ่น(YYY) 1 ใบ มี MAX SPL 143 dB ห่างกัน 2dB ต่างกันจนรู้สึกได้เช่นกัน
ในเรื่องความลงลึกของเสียง ส่วนใหญ่ตู้ดับเบิ้ลลงลึกกว่า แต่ต้องแลกด้วยความดังที่น้อยกว่า
20.หน้าที่อุปกรณ์เน็ตเวิร์คในตู้ลำโพง
21.การทำงานของลำโพงคอลัมน์ใน EV Evolve 50
การเรียงดอกลำโพง full range แบบไลน์อเรย์จำนวน 8 ดอก เพื่อให้เกิดมุมกระจายเสียงครอบคลุมในพื้นที่ขนาดเล็ก กลาง ใหญ่ และมีเทคโนโลยี waveguide ที่ช่วยให้ความถี่เสียงสูง ทำงานได้ดีขึ้น โดยมีมุมกระจายเสียงในแนวกว้างอยู่ที่ 120 องศาและมุมแคบสุดอยู่ที่ 40 องศา การเรียงดอกลำโพงแบบนี้จะช่วยลดการสะท้อนของเสียง กระจายเสียงได้ไกล
22.เหตุผลที่ไลน์อาเรย์ไม่ควรใช้น้อยใบ
เหตุผลที่ไลน์อาเรย์ไม่ควรใช้น้อยใบ
มีการวิจัยหนึ่งออกมาว่า ตู้ไลน์อาเรย์ 1 ใบ จะครอบคลุมพื้นที่ได้ประมาณ 7 เมตรเท่านั้นเมื่อแขวนสูงพอเหมาะ ถ้าแขวนจำนวนน้อยใบ อาจจะทำให้เสียงไม่ครอบคลุมพื้นที่ หลุดมุมกระจายได้ง่าย
ก่อนติดตั้ง จึงควรคำนวณจำนวน และองศาตู้แต่ละใบให้เหมาะสมกับงานด้วย
23.ตู้พอยท์ซอร์ส วางคู่กันอย่างไร
ความรู้เกี่ยวกับ ตู้พอยท์ซอร์ส
จำเป็นมาก กับงานติดตั้งแบบถาวร ควรศึกษามุมกระจายเสียงของตู้ลำโพงก่อน มิฉะนั้น จะเกิดบริเวณที่มีการรบกวนกันของตู้แต่ละใบ หรือเกิด interference ได้
กลับสู่สารบัญ
24.Directivity-Matched Transition
Directivity-Matched Transition
รู้หรือไม่ ดอกลำโพงขนาด 12 นิ้ว 10 นิ้ว หรือจะ 8 นิ้ว ต่างมีองศากระจายเสียงที่ไม่เท่ากัน ยิ่งดอกใหญ่ มุมจะแคบลงตามธรรมชาติ ลำโพงที่เน้นรายละเอียดนี้ จึงออกแบบปากเสียงแหลม ให้มีมุมกระจายเสียงตามดอกเสียงกลาง เพื่อที่จะให้ตู้ทั้งใบ มีโทนเสียงแบบสม่ำเสมอตามพื้นที่ ค่อยๆหลุดมุมกระจายไปพร้อมกันทั้งเสียงกลางและแหลม
กลับสู่สารบัญ
25.ตั้งลำโพงไลน์อาเรย์ยังไงให้คุมพื้นที่
ตั้งลำโพงไลน์อาเรย์ยังไงให้คุมพื้นที่
งานเลี้ยงเล็กๆ นิยมตั้งตู้กันแบบนี้
ใช้ตู้ไลน์อาเรย์จำนวนน้อยใบแต่ได้เสียงที่ค่อนข้างคุมพื้นที่ เพราะรู้กันอยู่แล้วว่า..ตู้ไลน์อาเรย์มีมุมกระจายเสียงแคบ ถ้าเอาไปแขวนแล้วกดมุมลงมา จะคุมพื้นที่ได้ไม่มาก
ก็เลยนิยมตั้งบนตู้ซับ สูงกว่าหัวคนเล็กน้อยเพื่อให้เสียงครอบคลุมจากหน้าไปหลัง โดยใช้ตู้น้อยใบ ถือว่าเป็นเทคนิคที่ได้ผลลัพธ์ค่อนข้างดีเลยครับ
26.ลำโพง Active VS Passive
ลำโพง Active VS Passive
คงบอกไม่ได้ว่า ใช้ลำโพง Active หรือลำโพง Passive ที่ต้องต่อแอมป์แยก อันไหนเวิร์คสุด เพราะถ้าลำโพงแบบ Active ดีกว่า ก็คงไม่มีตู้ passive ผลิตออกมาขายกัน
ลำโพง Active
-แอมป์เข้ากับดอกได้ดี เสียงดีแบบสำเร็จรูป เหมาะกับงานที่หลากหลาย อเนกประสงค์ เคลื่อนที่เร็ว
ลำโพง Passive
-ทนทาน เสียงดัง ราคาไม่แรง ต่อสายพ่วงกันได้ตามประสิทธิภาพของแอมป์ขับ
การเลือกประเภทลำโพงที่คู่ควรกับเจ้าของ จึงต้องดูบริบทการใช้งานเป็นหลัก เจ้าลำโพงทั้งสองชนิดนี้ จึงมีดีแตกต่างกัน
27.ทำไมซับแบบ Active ถึงได้รับความนิยมสูง
ทำไมซับแบบ Active ถึงได้รับความนิยมสูง
เพราะออกแบบมาให้ แอมป์ ตู้ ดอก ลงตัวกันมากๆ เสียงจึงออกมาดี แต่ถึงจะมีแอมป์ด้านใน แต่ก็ไม่ได้เพิ่มน้ำหนักมากนักเพราะส่วนใหญ่เป็นแอมป์คลาส D
-ใช้งานง่าย ติดตั้งรวดเร็ว
– ใบเล็กเสียงดัง
– บางตู้มีพรีเซต ปรับดีเลย์ ทำคาดิออยด์ซับได้ในตัว
– ที่สำคัญเสียงลงตัว
28.ปัจจัยการทำให้หมาดๆ
ปัจจัยการทำให้หมาด ๆ
เคยคุ้นๆกับคำว่า DAMPING FACTOR (DF)หรือไม่
แดมปิ้งแฟคเตอร์ ค่าความสามารถแอมป์ ที่หยุดการสั่นค้างของดอก ค่ายิ่งสูงยิ่งดี ถ้าความต้านทานขาออกของแอมป์ขยาย ยิ่งต่ำแค่ไหน ค่า DF จะยิ่งสูงแค่นั้น ปกติควรมีค่า DF ไม่น้อยกว่า 100
เมื่อดอกหยุดสั่นเร็ว เสียงก็กระชับ ได้ยินรายละเอียดดีขึ้น
แต่ไม่ได้ขึ้นอยู่กับประสิทธิภาพของแอมป์อย่างเดียว ดอกที่เอามาต่อ จะส่งผลต่อค่า DF รวมด้วย ถ้ายิ่งต่อดอกแบบขนานเยอะ ความต้านทานขาเข้าดอกจะน้อยลงมาก ต่อให้ใช้แอมป์ที่มี DF สูงถึง 1,000 แต่พอฟังจริงเหมือนเราใช้แอมป์ที่มี DF แค่ 100 เท่านั้น
เขาจึงไม่แนะนำให้ต่อดอกพ่วงกันเยอะๆนั่นเอง
29.Watt เยอะ ไม่ได้แปลว่าดังเสมอไป
Watt เยอะ ไม่ได้แปลว่าดังเสมอไป
จริง ๆ แล้วความดังของลำโพงประกอบด้วย 2 องค์ประกอบหลัก คือ
– ค่ากำลัง Watt เป็นค่าบ่งบอกการรองรับกำลังที่แอมป์สามารถจ่ายเข้ามา
– ค่า Sensitivity เป็นความไวของดอกลำโพง
ดูผิวเผินคงคิดว่าลำโพงดอกขวาดังกว่าแน่นอนเพราะวัตต์เยอะกว่า แต่จริงๆแล้วความดังแทบจะเท่ากัน เพราะความดังคิดได้จากสูตร
ความดัง dB = (10 Log Power + Sensitivity)
เพราะฉะนั้น ถ้าสนใจในความดัง อย่าดูที่กำลังวัตต์อย่างเดียว ต้องดู Sensitivity (ความไว) และวัตต์ที่เหมาะสมของแอมป์ขับด้วย
30.ต่อแบบผสมป้องกันว๊อยซ์ขาดง่าย
ต่อแบบผสมป้องกันว๊อยซ์ขาดง่าย
ยูนิตเสียงแหลม และฮอร์น แอดเคยเห็นเครื่องเสียงบางระบบ ต่อหลายดอกขนานกัน ทำให้ค่าความต้านทานเหลือ 2 โอห์ม บางครั้งเหลือ 1 โอห์มก็มี เปิดแอมป์นิดเดียวเสียงดังมากก็จริง แต่ก็จะทำให้ว๊อยซ์ขาดง่ายด้วย
ในภาพเป็นวิธีการต่อแบบผสม แต่ละยูนิต มี R = 8 Ohm จำนวน 4 ยูนิต นำมาอนุกรมกันก่อนให้ R = 16 Ohm 2ชุด แล้วนำ 2 ชุดนั้นมาขนานกันให้ R = 8 Ohm โอห์มอีกที มีข้อดีตรงที่
– ว๊อยซ์ไม่ขาดเร็ว
– แอมป์โหลดไม่หนัก ทำงานสบายขึ้น ยืดอายุการใช้งาน
31.ตู้สี่ใบ กลับเฟสใบเดียว เสียงเบาลงเท่าไร?
ตู้สี่ใบ กลับเฟสใบเดียว
ต่อสายผิดตู้เดียว เสียงเบาลงเท่าตัว
ตู้ซับเบสฟังข้างๆ ดังปกติดี แต่ฟังด้านหน้าทำไมเบาจัง เร่งจนไฟแอมป์สุดก็ไม่ดัง นี่คือปัญหาลำโพงกลับเฟส
ในภาพคือการทดลองเปลี่ยนขั้วลำโพง 1 ใบจากลำโพงทั้งหมด 4 ใบ ผลออกมา ความดังลดลงเหมือนเราเปิดตู้แค่ 2 ใบ หรือประมาณ -6 dB
เหมือนกับว่า เราต้องเสียลำโพงอีก 1 ใบ เพื่อไปสู้เสียงลำโพงตัวที่กลับเฟส
เพราะฉะนั้น แอดแนะนำว่าให้ตรวจเช็คสายลำโพงของท่านทั้งระบบให้ดี มิฉะนั้น จะเสียความดังไปฟรีๆ
32. ภาคผนวก CD 18
NEXUS CD 18
งานระดับคอนเสิร์ต ข้างละ 3 ใบก็จุกอกแล้ว
ตู้ในตำนานรุ่นหนึ่งของ NEXO ชื่อรุ่นว่า CD 18
เป็นตู้ซับ Cardioid รุ่นแรกๆเลยก็ว่าได้ มี 2 ดอกหน้าและหลัง 1 ดอกกลับเฟสและดีเลย์ ใช้แอมป์ 2 แชนแนลขับ
เบสลงลึกถึง 29 Hz ความดังสูงสุดที่ 145 dB ใบละประมาณ 3-4 แสน
33. Genelec ลำโพงสุดฟินจากฟินแลนด์
ลำโพงสุดฟินจากฟินแลนด์
ไม่ใช่สตูดิโอมอนิเตอร์ทุกตัว ที่จะเปิดเสียงออกมาแล้วจะทำให้คุณฟินได้
แต่ลำโพง จากประเทศที่ประชากร “มีความสุขที่สุดในโลก” นี้ สามารถพาใครบางคน ไปสวรรค์ของดนตรีได้เลยยยยยย
ปกติแล้ว ลำโพงยอดนิยมในห้องสตูดิโอทั้งหลาย มักจะทำออกมาค่อนข้างแฟลต และส่วนใหญ่เลย ก็ไม่เหมาะกับเอามาใช้ฟังเพลงเล่นๆ ลำโพงสำหรับมืออาชีพ มักจะแยกแยะรายละเอียดเครื่องดนตรีได้ดี ไม่มีคัลเลอร์ของเสียง เวลามิกซ์ก็จะฟังเสียงเครื่องดนตรีต่างๆได้ชัด แต่ส่วนใหญ่พอเปิดเพลงฟังทั่วๆไป มันมักจะขาดอรรถรส
สำหรับผมแล้ว “Genelec” เป็นข้อยกเว้นอย่างที่สุด ตัดสินใจจากความรู้สึกล้วนๆ เวลาผมฟัง Genelec แล้วมันได้อรรถรส สุดๆ แถม Genelec ยังทำตัวเปรี้ยว ข้ามวงการ ไปสู้นักฟังไฮไฟหูทอง ที่ปกติจะเล่นเครื่องเสียงแพงแบบหูฉี่ พอได้มาฟัง Genelec แล้วก็ทึ่งไปตามๆกันว่า เดี๋ยวนี้ลำโพงราคาแค่นี้ พัฒนาการเสียงไปถึงขนาดนี้แล้วหรือ…. ในเมืองไทย Genelec จึงถูกหยิบไปแทนลำโพงดูหนังฟังเพลง หรือโฮมสตูดิโอราคาแพงอยู่บ่อยครั้ง ด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย แต่ไม่ละทิ้งสเน่ห์ ของเครื่องเสียงสมัยเก่า
ด้วยคุณภาพการแยกแยะรายละเอียดดนตรี และการแยกมิติที่สุดยอด บวกด้วยการตอบสนองความถี่ต่ำ ที่ทั้งลึก และสมูทยิ่งรุ่นใหญ่ที่เป็นโคแอคเชียล นั้นยิ่งเป็นลำโพง ที่หาตัวจับยาก ราคาหลักแสนนั้นไม่ถือว่าแพงเลย นอกจากนั้น คนงบน้อย ก็สามารถเป็นเจ้าของได้ในราคาหมื่นกลางๆ สำหรับรุ่นเล็ก
ในแง่ของการเป็นลำโพงสตูดิโอ แต่ละแบรนด์ก็จะมีจุดเด่นต่างๆกันไป ตามถนัดของมือมิกซ์แต่ละคน ส่วน Genelec ลำโพงเมดอินฟินแลนด์นี้ เอที ขอยกให้เป็นลำโพงที่ได้ทั้งทำงาน เปิดเพลงแบบหนักๆ หรือจะฟังเล่นๆในวันสบาย ก็ฟินได้ทั้งวันนนนน
34.เปรียบเทียบตู้พอยท์ซอร์สแอคทีฟ 12 นิ้ว
เทียบกันตั้งแต่รุ่นไม่แพงมาก ไปจนถึงรุ่นมืออาชีพ แต่ละตัวมีจุดเด่นไม่เหมือนกัน ตัวไหนตอบโจทย์ลูกเพจมากกว่า ฝากเป็นข้อมูลไว้สำหรับการตัดสินใจเลือกซื้อครับ
35. ทำ Cardioid Subwoofer
ทำ Cardioid Subwoofer
วิธีทำ Cardioid Sub ไม่ใช่เรื่องยาก
แต่ก็ไม่ใช่เอาตู้ 2 ใบมาวางซ้อนกันแล้วจะเป็น Cardioid เลย ต้องวางระยะ และคำนวณดีเลย์ที่ถูกต้องด้วยครับ ในรูปเป็นวิธีที่ทำด้านหลังให้เงียบสนิท และด้านหน้าเสริมกันบางความถี่ โดยเริ่มจาก
– เลือกความถี่ที่อยากให้เสริมกันก่อน (ตัวอย่าง 60 Hz)
– วางระยะห่างของตู้ ¼λ คำนวนโดย
(λ = ความเร็วเสียงในอากาศสมมุติเป็น 350.1 /60Hz ) แล้วนำ 4 มาหาร
แทนค่าจะได้ λ = 350.1/60 = 5.835 แล้วนำ 4 มาหารจะได้ 1.46 เมตร
– ดีเลย์ตู้ใบหลัง = 1.46 เมตร หรือ 4.2 ms และกลับเฟสตู้ใบหลัง
แค่นี้ก็เสร็จเรียบร้อยแล้วครับ
36.โฮมเธียเตอร์ vs ซาวด์บาร์
โฮมเธียเตอร์ vs ซาวด์บาร์
โฮมเธียเตอร์ก็มีไว้ดูหนัง ซาวด์บาร์ก็มีไว้ดูหนัง เสียงดีเหมือนกัน
แต่สิ่งที่แตกต่างกันนั้นอยู่ตรงที่ ขนาด การใช้งาน และเสียงที่ออกมา
ซาวด์บาร์ก็เปรียบเสมือนลำโพงคอลัมน์ที่ย่อส่วนมาจากลำโพงไลน์อาเรย์แหละครับ ใช้ง่ายกระทัดรัด ขนาดเล็กกว่า แต่ยังคงความเสียงดีไว้นั่นเองครับ
37.เทียบให้ดู “ลำโพง 15 นิ้ว ราคาหมื่นกว่าๆ”
ตู้กลางแหลมถ้าให้สุดก็ต้องใช้ 15 นิ้วนี่แหละครับ เผลอๆ บางรุ่นตอบสนองความถี่ต่ำๆได้ดีมาก รองรับวงสดสบายๆ สไตล์เสียงหลากหลายแล้วแต่ความชอบและรูปแบบการใช้งานเลยครับผม
38.ดอกข้างตู้
ดอกข้างตู้ ในภาพ ไม่ได้ช่วยเพิ่มความดังด้านข้างตู้แต่อย่างใด แต่ช่วยลดเสียงย่านมิดโลว์ที่ควบคุมทิศทางไม่ได้ต่างหาก
โดยแนวคิดนี้ ใส่ดอกข้างเพื่อกลับเฟสกับดอกหน้า บังคับทิศทางเสียงไม่ให้ออกด้านข้างและด้านหลังมากเกินไป เนื่องจากตู้ d&b audiotechnik รุ่น GSL เป็นตู้ 3 ทาง ความถี่ต่ำออกเยอะ อาจไปรบกวน หรือสะท้อน เสียงเกิดความผิดเพี้ยนได้ ด้วยความพิถีพิถันของผู้ออกแบบ เขาจึงใส่ดอกข้างมานั่นเองครับ
39.ดอกโครงปั๊ม vs ดอกโครงหล่อ
ทำไมดอกโครงหล่อถึงแพงกว่าโครงปั๊ม ทั้งๆที่หน้าดอกกับว๊อยซ์ก็เท่ากัน
“สิ่งสำคัญ” คือเหล็กมีมวลมากกว่าอะลูมิเนียม ทำให้เวลาสั่นจะหยุดตัวได้ช้ากว่า และดอกโครงหล่อเหมาะกับกลไกแบบกำลังวัตต์สูงมากกว่า เวลาอัดแรงๆ จะเกิดความผิดเพี้ยนของเสียงน้อยกว่าโครงปั๊ม
40.อยากดังแต่ทำไมถึงไม่นิยมดอกใหญ่
อยากดังแต่ทำไมถึงไม่นิยมดอกใหญ่
เชื่อว่าบางคน คงเคยมีความคิดว่าอยากให้ซับดังๆ ก็ใช้ดอกใหญ่ๆสิ แต่ทำไมวงการเครื่องเสียงและผู้ผลิตดอก ถึงไม่นิยมทำดอกใหญ่ๆ ออกมา เนื่องจาก
– มวลกระดาษซึ่งรวมกันแล้วหนักมาก แอมป์ต้องแรงจริงๆ จึงจะผลักกรวยขยับได้
– ลักษณะทางกายภาพใหญ่ ยากต่อการขนย้าย ติดตั้ง
– ระยะช่วงชักของว๊อยซ์ ใหญ่กว่าปกติมากๆ ทำให้ผลิตความถี่ได้ไม่เหมาะสมเท่าไหร่
ในวงการเสียง เขาจึงนิยมใช้ดอกซับขนาด 18″ 21″ จำนวนหลายๆ ดอกเพื่อให้ดังขึ้น แทนที่จะใช้ดอกใหญ่เกินขนาด
41.วัตต์ RMS VS AES
เมื่อก่อน เคยได้ยินแค่วัตต์ RMS แต่เดี๋ยวนี้เริ่มได้ยินคำว่า วัตต์ AES กันแล้ว
มาตรฐานต่างกัน แต่สอดคล้องกัน
สองค่านี้ต่างกันตรงที่สมัยก่อน การวัดความดังลำโพงที่ เขาจะใช้ sine wave 1k ในการวัด แต่มันไม่แฟร์กับกับดอกซับ เพราะตอบสนองที่ 1 KHz ได้ไม่ค่อยดี เลยเกิดวัตต์ AES ขึ้นมา โดย Aes จะใช้สัญญาณ Pink noise band pass ในช่วงความถี่ที่เหมาะสมกับดอกนั้น ๆ มาวัดแทน ค่าที่วัดโดย AES ส่วนใหญ่จะมากกว่า RMS นิดหน่อย
42.ทำไมรถแห่คันนี้แนวคิดไม่เหมือนเขา
รถแห่ปกติจะมีตู้ซับอยู่ล่างตู้กลางอยู่บน แต่รถคันนี้ตั้งตู้ไม่เหมือนใคร เพราะเน้นโทนเสียงที่ linear จึงจำลองลำโพงแบบไลน์อาเรย์มาใส่ในตัวรถ
– ดอกเสียงกลางที่ตัดคนละความถี่ ใส่ Phase plug บังคับทิศทางการเคลื่อนที่ของเสียง ดอก Mid low อยู่ใกล้กับตู้ซับวูฟเฟอร์
– เสียงแหลมแบบไลน์อาเรย์ที่อยู่ระหว่างดอกเสียงกลางเรียงยาวลงมา พรีดิกมุมโค้งรับกับพื้นที่
– ใช้เทคนิคเดียวกันกับตู้ VEDA L2290
– ตู้ลำโพงหมุนได้ข้างละ 90 องศา รองรับงานแสดงสด
เหตุผลที่ทำแบบนี้..ก็เพราะว่าผู้ออกแบบเน้นความไพเราะและลดการหักล้างทางเสียงเป็นปัจจัยสำคัญ
43.ทำไมเสียงแหลม Ribbon ให้ความถี่สูง
เสียงแหลมที่ตอบสนองความถี่สูง เกินช่วงที่มนุษย์จะได้ยิน บางรุ่น ไดอะแฟรมเบาบางกว่าเส้นผม เรียกว่าเสียงแหลมริบบอน (Ribbon Tweeter)
ใช้แผ่นไดอะแฟรมที่มีเส้นนำไฟฟ้ามาพับหยักๆ ขึ้นลง แล้วตัดกับแม่เหล็ก เวลาส่งเสียงมาก็จะสั่นตามเสียงมีการเคลื่อนตัวไวมาก
อย่างในรูป เป็นลำโพง Adam Audio ARTist 5 ตอบสนองความถี่สูงถึง 50,000 Hz เป็นแหลมแบบทำมือด้วย ถ้าลองฟังเเล้ว อาจได้ยินรายละเอียดที่ไม่เคยได้ยินมาก่อน แม้เป็นเพลงที่เคยฟังมาแล้วครับ
44.ปากไลน์อาเรย์
ที่ปากไลน์อาเรย์แพงกว่าปากพอยท์ซอร์ส เพราะซับซ้อนและทำยาก
หลักการคือรีดเสียงแบ่งเป็นช่องเล็กๆ เพื่อบังคับมุมกระจายเสียงให้แคบลง และการรีดเสียงนั้นต้องทำให้ระยะทางของจุดกำเนิดถึงปลายปากในทุกๆ ช่องนั้น เท่ากันเป๊ะๆด้วยเพราะจะได้มีเฟสที่ตรงกัน
สามารถนำปากหลายๆ อันหรือตู้หลายๆ ใบมาต่อได้โดยไม่หักล้างเหมือนปากฮอร์นแบบพอยท์ซอร์สปกติ บางรุ่นนิยมทำด้วยวัสดุอลูมิเนียม จึงมีราคาค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับปากเสียงแหลมธรรมดานั่นเองครับ
กลับสู่สารบัญ
45.Genelec แบรนด์โปรดของนักทำซาวด์
ถ้าเกิดเราอยากได้มอนิเตอร์ แล้วไปปรึกษามือซาวด์อาชีพว่าจะซื้ออันไหนดี เชื่อว่าคำตอบส่วนใหญ่คงไม่พ้น “Genelec”
เพราะอะไรน่ะหรือ ลองอ่านดูครับ
– ที่เขาทำรูปทรงโค้งมน เพื่อลด Diffraction ต้นเหตุของเสียงผิดเพี้ยน
– “อะไรก็ตามที่ไม่ได้ใช้ แต่เปิดแช่ไว้นานๆ ก็ย่อมเสื่อมก่อนของที่ไม่ได้ใช้แล้วปิดไว้” genelec มีโหมด Standby เมื่อไม่ใช้งาน ถนอมลำโพงประหยัดพลังงานกว่า
– Dip switch ปรับอะคูสติกหลังตู้ ได้มุมกระจายที่ถูกต้องทุกท่าการวาง
– ขาวางป้องกันการสั่นสะเทือน 4Iso-Pod ลดเสียงเพี้ยนปรับมุมก้มเงยได้
– วงจรกันดอกลำโพงเสียงหายเมื่อมีสัญญาณเข้ามาแรงเกินไป
46.ตู้ไลน์อาเรย์ หรือ ตู้แขวน
ตู้ไลน์อาเรย์ หรือ ตู้แขวน
ดูยังไงถึงรู้ คชลักษณ์ตู้ไลน์อาเรย์แท้ตามหลักการง่ายๆ
– เสียงกลางชิดเสียงแหลมให้ได้มากสุดเท่าที่ทำได้
– เสียงกลางบางรุ่นมีเฟสปลั๊กรูปร่างต่างๆ บังคับมุมกระจาย
– ปากแหลมต้องมีเว็ปไกด์รีดเสียง และชิดสุดขอบบนล่างให้ได้มากสุด
ไม่ได้บอกว่า “ตู้ที่ไม่ได้เป็นแบบนี้จะไม่ดีเสมอไป” แต่ส่วนใหญ่ตามหลักการเรื่องมุมกระจายเสียงแบบไลน์อาเรย์ ควรมีเงื่อนไขแบบดังที่กล่าวมา
47.ตู้ไลน์อาเรย์ ทำไมถึงวางแนวตั้งได้
ปกติแล้วไลน์อาเรย์ห้ามตั้ง ต้องแนวนอนอย่างเดียว แต่ d&b audiotechnik a series ทำได้
ตู้ไลน์อาเรย์ทั่วไปมีมุมกระจายเสียงแนวตั้งเพียง 10 องศา แต่รุ่นนี้มีมุม 30 องศา ซึ่งกว้างกว่าทั่วไป รูปทรงตู้จะเรียวชันมากกว่า ซึ่งใช้งานแบบแนวตั้งได้ ปากแหลมที่ออกแบบกว้างเป็นพิเศษ การทำงานจึงเหมือนพอยท์ซอร์ส แต่มุมแคบกว่า
แต่ห้ามใช้เกิน 4 ใบ เพราะจะทำให้เฟสทับกัน บังคับทิศทางมุมกระจายเสียงไม่ได้ครับผม
กลับสู่สารบัญ
48.เฟสปลั๊กทรงแปลก
ความรู้ลำโพง เฟสปลั๊กทรงแปลก
เห็นแบบนี้แล้วนึกถึงตู้ Order 6
ใช่ครับ นี่คือหลักการ semi-bandpass เพิ่มย่านโลว์ให้กับตู้ใบเล็ก โดยทำช่องพอร์ตเพื่อรีดเสียงต่ำออกมาให้ได้มากคล้ายตู้ Order 6
แล้วใช้ปากแหลมแบบเทพๆ ตัดความถี่ต่ำกว่าปกติ ลงมารับกับดอก Low จึงหมดปัญหาเสียงกลางไม่ออกนั่นเองครับ
ตู้นี้คือ db technologies vio l208 ค่าตัวเเสนปลายๆ
กลับสู่สารบัญ
49.ซับกับกลาง..หันไปคนละทิศ
ซับกับกลาง..หันไปคนละทิศ ไม่ได้เกิดจาการคาดเดา แต่เกิดจากหลักการ
ในรูปเป็นตู้ NEXO ตั้งไลน์อาเรย์ซ้ายขวาข้างเวทีปกติ แต่ซับตั้งข้างเดียวและหันข้าง ทำไมเขาถึงเลือกที่จะตั้งแบบนี้
เพราะตู้ซับวูฟเฟอร์มีพฤติกรรมกระจายเสียงค่อนข้างรอบทิศทางอยู่แล้ว ประกอบกับพื้นที่หน้าเวทีลาดเอียง การที่จะเอาซับไปตั้งสองข้าง ค่อนข้างยาก เลยจับทำคาร์ดิออยด์ซับเสียเลย ให้มุมกระจายพุ่งไปด้านหน้า ครอบคลุมพื้นที่หน้าเวทีได้ดีพอๆกัน ไม่เกิดหลุมบอดหน้าเวทีด้วยครับ
50.มิกซ์บนPA VS มิกซ์ในหูฟัง
มิกซ์บนPA VS มิกซ์ในหูฟัง
ใช้หูฟังมิกซ์เสียง ฟังแล้วดีใช้ได้ แต่ทำไมพอดันสไลด์ PA ขึ้นฟัง เสียงกลับไม่เหมือนกัน เราควรเชื่อเสียงจากไหนแน่ อ่านแล้วจะรู้วิธี
ปัญหาดังกล่าว เกิดจากโทนของหูฟังกับโทนของ PA ไม่เหมือนกัน เสียงจึงไปคนละทาง วิธีที่ดีตอนเราไปเจอกับระบบที่ไม่คุ้นเคยคือ
– เปิดเพลงที่เราจำคาเเร็คเตอร์ได้แม่นยำ
– เทียบโทนเสียง ปรับ PA หรือหูฟังอย่างใดอย่างหนึ่ง ให้เหมือนกันมากที่สุดเท่าที่ทำได้ เลือกปรับสิ่งที่เราคิดว่าไม่เที่ยงตรง ไปหาสิ่งที่เที่ยงตรง
– เมื่อได้สองระบบที่ใกล้เคียงกันเเล้ว จึงเริ่มทำการซาวด์เช็คเพื่อมิกซ์เสียง
ฟังทั้งหูฟังและลำโพง PA ว่าไปด้วยกันได้หรือไม่
หูฟัง หน้าที่หลักใช้ฟังเสียงเพื่อมอนิเตอร์ ตรวจสอบเสียง Noise ฟังเสียงแต่ละเครื่องดนตรี ฟังบาลานซ์ ฟังสิ่งที่เราไม่แน่ใจก่อนที่จะปล่อยออก PA
ลำโพง PA หน้าที่หลักคือถ่ายทอดเสียงให้กับคนดูในงาน เสียงต้องสมบูรณ์แบบ
มือซาวด์ หน้าที่หลักคือต้องรอบรู้ สามารถจัดการ PA และ หูฟังให้ได้ ต้องเข้าใจการทำงานและรู้ข้อจำกัดของอุปกรณ์เสียงทุกๆ ชิ้น งานจึงจะออกมาดีครับ
51.ปากแหลมโค้งเสียงออกดีหรือ?
ปากแหลมโค้งเสียงออกดีหรือ?
เมื่อต้องการให้เสียงแหลมออกเท่ากันทุกความถี่ ต้องแลกด้วยการทำตู้ลึกๆ และเทคโนโลยี Waveguide ที่ซับซ้อน แต่ก็ติดด้วยความใหญ่เกินพอดี “บทสรุป” ปากแหลมจึงออกมาโค้งงอแบบนี้
NEXO ไม่ใช้การเลี้ยวเบน แต่ใช้หลักการสะท้อนแทน
– ภาพจำลองแบ่งเส้นให้ดู 3 เส้น แต่ละเส้นมีเส้นตกกระทบและเส้นสะท้อน จะสังเกตได้ว่า ความยาวรวม ตั้งแต่จุดกำเนิดถึงปลายทาง “เท่ากันทุกเส้น” เพราะมีแผ่นสะท้อนแบบโค้งงอที่สัมพันธ์กับต้นและปลายทาง ทำให้เฟสตรงกันทุกเส้น
ผลคือ เสียงแหลมออกดี..ไม่สูญเสียพลังงาน
NEXO ชอบมีอะไรให้ตะลึงอยู่เสมอครับ
52.ทำไมถึงไม่เลือกวางตู้ซับแบบอื่น วางเรียงกันยาวๆได้ไหม
ทำไมถึงไม่เลือกวางตู้ซับแบบอื่น วางเรียงกันยาวๆได้ไหม
เหตุผลที่ตั้งซับสูงถึงสี่ชั้นแบบนี้ เพราะต้องการให้จุดร่วมใกล้กันมากสุดเท่าที่จะทำได้ ถึงลำบากหน่อยต้องวางสูงๆ แต่ช่วยลดระยะห่างของตู้ใบที่ไกลกันสุด ลดปัญหาเฟสตู้แต่ละใบไม่เท่ากัน
การวางพอร์ตชนพอร์ตก็เป็นอีกเทคนิค ที่จะทำให้ตู้แต่ละใบมีเฟสที่เป็นระเบียบมากยิ่งขึ้น
กลับสู่สารบัญ
53.การแขวนตู้ก่อนยุคไลน์อาเรย์
การแขวนตู้ก่อนยุคไลน์อาเรย์
ถึงจะไม่ใช้ไลน์อาเรย์..แต่คนยุคก่อนก็มีวิธีคิดให้มันออกมาดีได้
สมัยก่อนเขาใช้วิธีแขวนตู้ โดยพยายามให้มุมกระจายของแต่ละใบ ทับกันน้อยที่สุดเท่าที่ทำได้ โดยตู้ที่ถูกออกแบบรูปร่างคล้ายพอยท์ซอร์ส แต่ออกแบบมุมกระจายแคบกว่า เเขวนเป็นแผงเพราะต้องการให้ส่งเสียงครอบคลุมทั่วบริเวณ
วิธีแขวนนี้ช่วยทำให้ตู้แต่ละใบส่งเสียงได้ไกลขึ้น แต่ยุคสมัยนั้น ไลน์อาเรย์ยังไม่แพร่หลาย เขาจึงใช้แบบนี้ครับผม
กลับสู่สารบัญ
54.ใช้คอลัมน์แทนฮอร์น
ใช้คอลัมน์แทนฮอร์น
เสียงประกาศได้ยินแน่นอน แต่ฟังรู้เรื่องแค่ไหนเป็นอีกเรื่องที่ต้องนึกถึง
จริงที่ลำโพงฮอร์นนั้นเสียงดัง ราคาถูก แต่เจอกับอะคูสติกอาคารที่ก้องอยู่แล้ว เสียงจะสะท้อนฟังจับใจความไม่ได้
ลำโพงคอลัมน์ติดผนัง นิยมใช้กระจายเสียงภายในอาคารสมัยใหม่ เพราะคุณสมบัติที่มีมุมกระจายเสียงแคบที่ด้านบน และล่าง ลดการสะท้อนเพดานและพื้น ส่งเสียงไกลฟังชัด สมัยนี้ราคาค่อนข้างถูกลงเมื่อเทียบกับคุณภาพเสียง ถ้าคิดเปลี่ยนมาใช้คอลัมน์ อาจต้องเพิ่มงบนิดหน่อย แต่รับรองว่าคุ้มค่ากว่าแน่นอน
กลับสู่สารบัญ
55.เจ้าพ่อ พอยท์ซอร์ส
เคยเห็นกันไหม KV2 เจ้าพ่อพอยท์ซอร์ส น่าเอาเทคนิคนนี้มาใช้กับรถแห่บ้านเรามาก
เขาบอกว่า ไลน์อาเรย์โทนค่อนข้างไม่สม่ำเสมอนัก เลยคิดค้นตู้พอยท์ซอร์สอย่างรุ่น VHD5 สำหรับงานคอนเสิร์ตขึ้นมา ใช้ข้างละเซตก็เพียงพอ 1เซตประกอบด้วย 3 ชิ้น ตอนใช้งานจริงต้องเอามาต่อกันเป็นชุด VHD5 เป็นตู้ขนาดใหญ่ใช้หลายดอก แต่ไม่มีปัญหาเรื่องเฟสทับกันเพราะตัดคนละความถี่บังคับทิศทางโดยใช้ปาก ยูนิตแหลมว๊อยซ์ 3 นิ้วขนาดใหญ่มากครับ
กลับสู่สารบัญ
56.ตู้กลางแหลมใช้เน็ตเวิร์ค VS ขับแยกแอมป์
ตู้กลางแหลมใช้เน็ตเวิร์ค VS ขับแยกแอมป์
ที่พูดๆ กันว่าเล่น 3 ทางหรือ 2 ทางก็ตรงนี้แหละครับ เครื่องเสียงคือศิลปะที่ไม่มีที่สิ้นสุด ชอบใครชอบมัน
– ใช้ครอสแยกปรับรายละเอียดได้เยอะกว่า ความร้อนไม่เกิดในเน็ตเวิร์ค แต่ก็สิ้นเปลืองอุปกรณ์สายและจำนวนแอมป์ที่ขับ
– ใช้เน็ตเวิร์คสะดวกติดตั้งง่าย อุปกรณ์ไม่จุกจิก แต่ก็ต้องใช้เน็ตเวิร์คที่ออกแบบมาเฉพาะสำหรับตู้นั้นๆด้วย
กลับสู่สารบัญ
57.ทำไมต้องแขวนซับ ?
ทำไมต้องแขวนซับ ?
ที่ต้องแขวนซับ ไม่ใช่ต้องการความสวยงาม แต่เป็นเพราะเหตุผลที่อะคูสติกห้องกำหนด
ในภาพเป็นระบบเสียงของโรงละคร ที่นั่งของผู้ชมเป็นสโลปสูงขึ้นไป การแขวนทำให้ซับวูฟเฟอร์ทำพฤติกรรมเป็น Line Source ควบคุมมุมกระจายเสียงได้ แต่ถ้าเรียงแนวยาวเฉยๆ เสียงจะไปดังตรงกลางจนข้ามหัวผู้ฟังไป ต้องใช้เทคนิค Sub steering array หรือดึงดีเลย์ให้เสียงลงมายังจุดที่ต้องการ โดยปกติลำโพงใบล่างจะมาถึงผู้ฟังก่อน ให้ดึงดีเลย์จนกว่าจะเท่ากับลำโพงใบบน
อย่างในรูป Simulate เป็นการกำหนดมุมกระจายลำโพงให้ตกที่ผู้ชม ไม่ไปสะท้อนที่ผนังช่วยลดการก้องสะท้อนด้วย
58.เหตุผลที่แขวนซับไว้ข้างบน
เหตุผลที่แขวนซับไว้ข้างบน
1 พวงมีตู้ 3 รุ่น แนวคิดของคนออกแบบคือ
– บนสุด เป็นตู้ย่าน Low ที่แขวนซ้อนกัน 6 ใบ เพื่อให้มุมกระจายความถี่ต่ำ มีพฤติกรรมบีบมุมแคบพุ่งไปข้างหน้า พูดง่ายๆ ก็คือต้องการส่งเบสให้ลอยไกลๆ
– ถัดมาเป็นรุ่น K1 เสียง Main PA หลักดอกวูฟเฟอร์ 15 นิ้วคู่ ตอบสนองความถี่ตั้งแต่ 35 Hz – 20 kHz ใช้ 12 ใบเพราะต้องการความดังสูง คุมพื้นที่และต้องการให้พวงยาว เพื่อคงความเป็นไลน์อาเรย์ (ส่งเสียงได้ไกล โดยการลดลงของความดังต่อระยะทางจะน้อย)
– เเต่เสียงกลางตัวใหญ่อย่าง K1 ก้มมุมมากไม่ได้เพราะรูปทรงตู้ไม่ได้เป็นสี่เหลี่ยมคางหมู จึงต้องหาตู้เล็กๆ มาต่อท้ายเพื่อเก็บพื้นที่ด้านหน้าใกล้ๆ นั่นเองครับ
ลำโพงทั้งพวงนี้ใช้ L acoustic ทั้งหมด
บนสุดเป็นรุ่น K1-SB
ถัดมา K1
ล่างสุด KARA II
59.ซื้อเน็ตเวิร์คใส่ตู้ ต้องรู้อะไรบ้าง
ความรู้ลำโพง ซื้อเน็ตเวิร์คใส่ตู้ ต้องรู้อะไรบ้าง
ถึงแม้สิ่งที่ถูกหลักจริงๆ คือไม่อยากให้พวกเราซื้อเน็ตเวิร์คสำเร็จรูปมาใส่ตู้ แต่สิ่งนี้ก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ สำหรับผู้ที่ไม่มีทางเลือกมากนัก
จึงอยากมาบอกวิธีการเลือกเน็ตเวิร์คหรือออกแบบเบื้องต้น ให้พอเหมาะกับตู้ของเราครับ ว่าต้องคำนึงถึงอะไรบ้าง
– ดูความสามารถในการตอบสนองความถี่ของดอกวูฟเฟอร์และดอกแหลมก่อน ว่าจุดตัดอยู่ที่ไหนจึงจะเหมาะสม และเลือกเน็ตเวิร์คที่มีจุดตัดที่เข้ากับดอกได้ และการเลือกดอกมาใช้ก็สำคัญครับ
– (เลือกจุดตัดผิด จะเสียมุมกระจายเสียงที่ควบคุมได้ไปฟรีๆ) อย่างตู้พอยท์ซอร์ส ปากเสียงแหลมจะเป็นตัวกำหนดมุมกระจายเสียง ยิ่งปากใหญ่ยิ่งตัดความถี่ลงได้ลึก แต่ถ้าเราเลือกเน็ตเวิร์คที่ตัดความถี่สูงกว่าความสามารถของปากแหลม ความถี่ที่เหลือจะผลักภาระไปให้ดอกวูฟเฟอร์ที่ทำความถี่มิดโลว์ และดอกมิดโลว์จะไม่สามารถควบคุมมุมกระจายเสียงได้เหมือนปากแหลม จึงเสียประสิทธิภาพไปฟรีๆครับ
นอกจากนี้ ยังเกี่ยวข้องกับอีกหลายอย่าง เช่นค่า fs ค่าปริมาตรตู้ อิมพีแดนซ์ ฯลฯ ดังนั้นถ้าพอลงทุนได้ เราก็แนะนำให้ซื้อตู้สำเร็จที่ออกแบบทุกอย่างตามหลักการครับ เพราะผู้ผลิตเขาคิดไว้อย่างดีแล้ว
60.ทำไมตู้เมืองนอกถึงให้ความสำคัญกับชุดแขวนลำโพง
ความรู้ลำโพง ทำไมตู้เมืองนอกถึงให้ความสำคัญกับชุดแขวน
ถึงแพง..ก็สมราคา
ไลน์อาเรย์ยี่ห้อดีๆ จะให้ความสำคัญกับชุดแขวนเป็นอย่างมากถึงต้นทุนวัสดุจะแพง แต่ก็ยอมแลกเพราะมันสำคัญจริงๆ มุมที่เอาตู้มายึดโยงกัน แม้ผิดไปน้อยกว่า 0.5 องศาก็มีผลต่อเสียง และอีกสิ่งสำคัญคือความง่ายในการติดตั้งและความปลอดภัย
61.หันหน้า 3 ใบ หันหลัง 1 ใบ ล้างเสียงข้างหลังหมดจริงหรือ
หันหน้า 3 ใบ หันหลัง 1 ใบ ล้างเสียงข้างหลังหมดจริงหรือ
ทำซับคาร์ดิออยแล้วได้ผลดีตามมาหลายอย่าง โดยเฉพาะสถานบันเทิงที่ Indoor เสียงซับสะท้อนน้อยลง ลดปัญหาซับเป็นหลุม และไม่อยากให้เสียงไปรบกวนพื้นที่ข้างเคียง
เสียงซับที่ออกหลังตามจริงแล้วจะเบากว่าด้านหน้า จึงหันหลัง 1 ใบให้หักล้างกับเสียงที่ออกหลัง ชุดนี้ QSC ทั้งหมดดังรองรับดนตรีสดได้สบายๆ ติดตั้งขนย้ายง่ายด้วยครับ
อ่านวิธีวาง SUB Cardioid
62.พรีดิกมุมโดย Ease focus
ความรู้ลำโพง พรีดิกมุมโดย Ease focus
เพราะเรารู้ว่า..แต่ละองศามีความหมายต่อเสียง ตู้ทุกใบต้องอยู่ในมุมและตำแหน่งที่เหมาะสม
เวลาที่ทีม AT นำตู้ VEDA, RIVER ขึ้นแขวน จะต้องผ่านการคำนวณองศา หรือพรีดิกโดยซอฟต์แวร์คอมพิวเตอร์ทุกครั้ง และที่สำคัญโหลดฟรีด้วยครับ
เจ้าซอฟต์แวร์นี้ชื่อว่า EASE Focus
63.Inclinometer เลเซอร์วัดมุม
Inclinometer เลเซอร์วัดมุม
Inclinometer เลเซอร์ที่ใช้วางบนฟลายบาร์ เพื่อดูมุมที่เราแขวนตู้ว่าตรงหรือไม่ ช่วยทำให้เราไม่ต้องคาดเดามุมกระจายตู้ เพราะลำแสงเลเซอร์จะตกกระทบที่พื้น ณ บริเวณนั้นแทน Inclinometer เกรดสำหรับ System Engineer ก็ราคาประมาณ 3 หมื่นได้ครับ ถือว่าแพงใช้ได้เหมือนกัน
แต่อันที่จริง ในตู้ dB technologies Vio มีใจโรในตัวอยู่แล้ว ใครไม่อยากเสียตังเพิ่มก็ใช้ฟังก์ชั่นในตู้ก็ได้
64.วางซับพื้น VS ยกลอย
ความรู้ลำโพง วางพื้น VS ยกลอย
สรุปเหตุผลที่วางพื้นเสียงดังกว่า เพราะการสะท้อนจากพื้น จะเป็นพื้นปูน พื้นดิน พื้นหญ้า ฯลฯ นี่ก็ให้แรงสะท้อนที่ไม่เท่ากัน
ทั้งนี่ทั้งนั้นขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายๆ อย่าง หากใช้ตู้หลายใบหรือตู้สูตรอื่นผลลัพธ์ก็อาจต่างกัน กราฟที่ได้ถูกวัดจากการทดลองง่ายๆ ใช้ตู้หน้าเปิดสองใบ เห็นหลายคนสงสัยเลยเอามาทดสอบให้ดูครับ
65.ทำไมตู้ถึงก๊อปกันไม่ได้ง่ายๆ
ทำไมตู้ถึงก๊อปกันไม่ได้ง่ายๆ
ก๊อปไปก็เท่านั้น!! ตีตู้เหมือนเป๊ะแต่เสียงกลับไม่ดีแบบตู้ต้นฉบับ
คนเครื่องเสียงย่อมรู้ดีเพราะว่า?
– ดอกที่เอาไปใส่ตอบนองความถี่ที่ไม่เหมาะกับตัวอะคูสติกตู้
– ค่าอิมพีแดนซ์ในแต่ละความถี่ ต่างกับดอกต้นแบบ
– ไม้ที่ใช้ทำตู้ อาจไม่ใช่ไม้อัดเกรดก่อสร้างทั่วไป แต่เป็นไม้ที่ใช้สำหรับทำตู้ลำโพงโดยเฉพาะ
ตู้ที่ออกแบบถูกต้องจะแมทดอกกับตู้ให้เข้ากันได้อย่างดี ปริมาตรภายใน พอร์ตลม ฯลฯ ก่อนออกจำหน่ายต้องผ่านการ QC ถ้างบพอเล่นตู้ใบละแพงๆได้ ของแท้ย่อมดีกว่าอยู่แล้ว แต่ถ้างบจำกัด ของดี และราคาไม่แพงก็มีให้เลือกใช้เยอะครับ
66. แล้วเสียงมันจะออกไหวมั้ย ตู้แบบนี้?
แล้วเสียงมันจะออกไหวมั้ย ตู้แบบนี้? นิยมใช้กันหรือเปล่า
ซับสูตรแบบนี้เรียกว่า Fold horn (โฟลด์ฮอรน์) แนวคิดคือทำฮอร์นให้ยาวๆเข้าไว้ เพื่อรีดเสียงต่ำออกมาเพื่อเน้นบางความถี่และควบคุมมุมกระจายซับให้แคบลง หรือเราคุ้นๆ กับชื่อตู้ฮอร์นโหลด อย่างบ้านเราก็มีเช่น F Horn ตู้นอกก็เช่น CERWIN VEGA EL 36D
แต่เสียงก็อาจออกมาช้ากว่าตู้ซับรุ่นอื่นๆ เพราะระยะทางจากดอกถึงปากตู้ก็ไกลอยู่พอสมควร
67.ตู้ Multi Point Source
ความรู้ลำโพง ตู้ Multi Point Source
การตั้งตู้ 2 ใบหันต่างมุมกันเพราะอยากให้ครอบคลุมพื้นที่ แต่ถ้าวางไม่ดีจะเกิด Interference เสียงจากทั้งสองใบรบวนกันได้ ดังเบาไม่เสมอกัน
แต่มีตู้ประเภท Multi Point Source ทำปากแหลมออกเป็นสองปาก Fix มุม ทำงานด้วยกันแบบแบ่งพื้นที่มุมกระจายอย่างลงตัว เสียงจึงสม่ำเสมอราบเรียบ ง่ายต่อการติดตั้ง เหมาะกับงานอีเวนท์ งานในห้องที่พื้นที่น้อยแต่ต้องการเสียงครอบคลุม
ในภาพนี้เป็นของ JBL CWT128 ลำโพงรุ่นใหม่ของค่าย
68.สไปเดอร์ 2 ชั้น ดีจริงหรือ ?
สไปเดอร์ 2 ชั้น ดีจริงหรือ ?
เหตุผลที่ดอกซับวัตต์สูงๆ ต้องมีสไปเดอร์ 2 ชั้น เพราะทำหน้าที่ประคอง voice ให้มั่นคงและกลับจุดสมดุลได้ดีขึ้น
เมื่อดอกใหญ่ ทองแดงกับแม่เหล็กย่อมใหญ่ตาม เกิดสนามแม่เหล็กเข้มข้น สไปเดอร์ชั้นเดียวคงเอาไม่อยู่ แต่ก็ทำให้ความอิสระในการขยับของหน้าดอกลดลง เพราะเหมือนมีอะไรมารั้งไว้อีกชั้น
เป็นไปได้ที่ sensitivity จะลดลง แต่ก็คุ้มค่ากับการที่จะได้ดอกกำลังวัตต์สูงๆกว่าเดิม ขับได้สะใจกว่าเดิม
กลับสู่สารบัญ
69.เล่นเครื่องเสียง 2 โอห์ม เพราะอะไร
เล่นเครื่องเสียง 2 โอห์ม เพราะอะไร
ขับข้างละ 2 โอห์ม บ้างก็ว่าประหยัดงบ หรือบ้างก็ว่ามันแรงดี “แท่นเดียวลาก 8 ดอก”
– แต่ต้องดูว่าแอมป์ขับไหวหรือเปล่า บางรุ่นไม่ได้ออกแบบมารองรับการโหลดหนักขนาดนั้น
– แอมป์รุ่นใหม่ๆ อาจมี protect ตัดป้องกัน แต่เเอมป์รุ่นก่อนๆ อาจพังโดยไม่มีสัญญาณเตือนเลยก็ได้
– ขับเยอะ ค่า Damping Factor จะน้อยลง เสียงอาจเบลอๆ ไปตามความสามารถในการหยุดดอกของแอมป์
– ถ้าเเอมป์เสีย 1 ตัว ลำโพงจะดับไปเยอะ
แต่ถ้าไม่ซีเรียสเรื่องเสียงมากนัก แอมป์ขับไหว ก็ใช้ได้ไม่มีข้อห้ามขนาดนั้น การตัดสินใจใช้งานแบบไหนก็ขึ้นอยู่กับบริบทและปัจจัยของแต่ละคนครับผม
อ่านบทความเพิ่มเติมได้ที่ แอมป์ตัวนี้ ขับดอกลำโพง “18นิ้ว” ได้ “กี่ดอก”
70.การตั้ง Ground Stack
การตั้ง Ground Stack
“จะซีเรียสทำไม ตั้งแบบไหน ใส่สลักรูไหนก็เหมือนกันแหละ”
คำตอบคือ..ไม่เหมือนครับ
สิ่งที่จะบอกว่าเราตั้ง Ground Stack ได้ถูกต้องรึเปล่า..ก็คือเสียงที่ออกมาทั้งบริเวณงานนั้นถูกใจเราหรือไม่
– ตั้งตรงๆ เสียงพุ่งไกลแหลมจัดจ้านเพราะปาก High หันมุมไปที่เดียวกัน ขณะเดียวกันหน้าตู้จะได้ยินชัดเจนหรือเปล่าไม่รู้
– ตั้งโค้งๆ กระจายมุมตู้ ตู้คนละใบ..ช่วยกันให้เสียงคนละพื้นที่ รอยต่อระหว่างใบก็สำคัญ ตั้งฉีกกันเกินไปก็เกิดหลุม มุมใกล้กันไปก็เกิดความเข้มเยอะ ถ้าอยากจะการะจายให้สม่ำเสมอ ก็ต้องใช้ระยะทางและความสูงมาเป็นตัวแปรกำหนดองศา
ทุกอย่างล้วนเป็นวิทยาศาสตร์ ทุกองศาตู้ล้วนมีความหมาย ตั้งอย่างไรก็ขึ้นอยู่กับลักษณะของงาน งานดนตรี..เครื่องไฟ ก็อีกแบบ ตู้ไลน์อาเรย์ที่ละเอียดๆ มีองศามาให้เลือกเยอะ ศึกษา และติดตั้งให้ถูกต้องกัน
71.ออกงานทุกครั้ง ต้องจูนลำโพงทุกครั้ง
การจูนระบบ..ไม่ได้หมายความว่าเอาไมค์จ่อหน้าตู้แล้ว EQ เสียงอย่างเดียว แต่รวมไปถึงการออกแบบ การพรีดิก การทำดีเลย์ การตั้งตู้ลำโพงทุกใบให้อยู่ที่จุดเหมาะสมด้วย
– ถ้าออกงานกลางแจ้งก็ไม่เท่าไหร่ เสียงสะท้อนไม่มาก ถ้าไม่ซีเรียสก็ใส่พรีเซตเดิม พรีดิกมุมแขวนให้เหมาะสมกับพื้นที่ใช้สอยพอ
– แต่ถ้าออกงานในห้อง..ก็เหมือนเอาลำโพงไปวางในกล่องปิด เพดาน ผนัง พื้น ล้วนสะท้อนเสียง และสร้างความถี่เสียงแปลกๆ ออกมา อันนี้กล้าการันตรีว่าเสียงต่างกัน ถ้าห้องต่างกัน
ดังนั้นจึงต้องจูนให้เข้ากับสถานที่นั้นๆ ทั้งการทำโทน ลักษณะการวางซับ วางกลางแหลม ทำดีเลย์ ค่อนข้างละเอียดอ่อน และทำยากอยู่พอตัว แต่ถ้าเรามีความรู้พอ และใส่ใจ จะทำห้องปราบเซียนขนาดไหน ก็ไม่ได้ยากเกิน
72.“ซับวูฟเฟอร์ ซ้อน 3 ชั้นเพื่อให้ข้างหลังเงียบไปอีกขั้น”
“ซ้อน 3 ชั้นเพื่อให้ข้างหลังเงียบไปอีกขั้น”
ปกติเราเคยเห็น Endfire สองชั้น คือหน้าเสริมหมดหลังหักล้างบางความถี่ ในเมื่อหักล้างไม่หมด ก็เติมซับชั้นที่ 3 เข้าไป ความถี่ที่หักล้างกันจะมีค่าครึ่งหนึ่งเสมอ
เช่น ชั้นที่ 2 หักล้างที่ 100 Hz ชั้นที่ 3 ต้องหักล้างที่ 50 Hz
เพราะถูกกำหนดด้วยความยาวคลื่น
73.ทำไมจึงไม่มีตู้สูตรไหน..ที่สมบูรณ์แบบที่สุด
ทำไมจึงไม่มีตู้สูตรไหน..ที่สมบูรณ์แบบที่สุด
– ผู้คิดค้นล้วนผลิตสูตรของตัวเอง อาศัยจากความรู้ ความชอบในแนวเสียง ความต้องการของลูกค้า งบประมาณ
– แนวเพลงก็สำคัญ คอนเสิร์ตร็อค สตริง อยากได้ซับแน่นลึกๆ ตู้ก็ต้องตอบสนองความถี่ลึกๆ ได้ดี หมอลำ รถแห่ เน้นความดัง จุกอก ตู้ก็ไม่ต้องถึงกับลึก ตอบสนองประมาณ 60Hz ได้เป็นดี
– ที่เดโม่กัน เพราะคนเราชอบและใช้ไม่เหมือนกัน วิธีเลือกลำโพงที่ถูกต้องที่สุด คือเลือกให้เหมาะกับตัวเองและออกแบบอย่างถูกหลักเป็นพอ
74.หากใช้ตู้ซับวูฟเฟอร์หลายสูตรรวมกัน จะเกิดอะไร
หากใช้ตู้ซับวูฟเฟอร์หลายสูตรรวมกัน จะเกิดอะไร
ใช้สูตรเดียวกัน..ยังมีโอกาส Phase shift ได้
แล้วหากใช้คนละสูตรจะเป็นอย่างไร ?
ต้นเหตุคือ ความยาวคลื่นความถี่ต่ำมีขนาดใหญ่ หลายเมตร/ลูกคลื่น
การใช้ตู้หลายสูตรโอกาส Phase shift มีมาก และ shift แบบผลลัพธ์ไม่ดีด้วย ดังบ้าง เบาบ้าง เป็นบางที่
จึงไม่ค่อยนิยมเอาตู้เบสหลายๆ รุ่นใช้ร่วมกันในงานเดียวกัน
ถ้าเลือกได้ ใช้แบบเดียวสูตรเดียวจะดีกว่า
และเราจะจัดการระบบได้ง่ายด้วย
75.ทำไมต้องมีเฟสปลั๊กหน้าดอกลำโพง
ทำไมต้องมีเฟสปลั๊กหน้าดอกลำโพง
“Phase Plug” ช่วยหั่นเสียงที่ออกจากดอกให้เรียงตัวเหมาะสมขึ้น เช่นจากดอก 12 นิ้ว หั่นให้เป็นดอก 6 นิ้ว 2 ดอก
ตู้ไลน์อาเรย์ที่ต้องใช้รวมกันหลายใบ ถ้าใช้ดอกขนาดใหญ่แน่นอนว่าต้องเกิด Phase shift เมื่อใส่เฟสปลั๊กแล้ว หักล้างกันน้อยลง เพราะเกิดพฤติกรรม Linesource เสียงในแนวตั้ง (Vertical) จะควบคุมมุมกระจายได้ดีขึ้น สามารถตัด crossover ในความถี่ที่สูงขี้นได้
76.ไลน์อาเรย์ แขวนสูงดีหรือไม่
ความรู้ลำโพง ไลน์อาเรย์ แขวนสูงดีหรือไม่
ที่ต้องแขวนลำโพงสูง..ไม่ใช่ต้องการเท่ห์ แต่มีเหตุผลคือ
– มิติของสเตอริโอที่เกิดจากการแขวนสูง ไลน์อาเรย์มุมกระจายค่อนข้างแคบ ถ้าลำโพงอยู่ใกล้คนมากๆ คนในงานที่รับฟังได้แบบสเตอริโอจะมีอยู่แค่ตรงกลาง การแขวนสูงๆ ช่วยเพิ่มระยะทางจากลำโพงถึงหูผู้ฟัง ยิ่งห่างมาก มุมกระจายก็จะเพิ่มตาม
– เพื่อให้ด้านหน้ากับด้านหลังดังใกล้เคียงกัน เสียง..เมื่อเดินทางไปไกล ความดังจะลดลง ถ้าแขวนต่ำๆ ระยะห่างจากคนฟังใกล้เวทีกับคนฟังที่ไกลออกไปจะต่างกันมาก ความดังก็จะต่างกันด้วย ดังนั้นแขวนสูงๆ ช่วยลดความดังที่ไม่เท่าเทียมกันได้
– Interference หรือการทับซ้อนของลำโพงแต่ละใบจะเกิดขึ้นน้อยลงถ้าแขวนสูง เพราะแขวนสูงต้องกดมุมตู้ลงมาก แต่ละพื้นที่จะได้รับเสียงจากตู้แยกกันอิสระกว่า รอยต่อดีกว่า โทนเสียงจึงสม่ำเสมอกว่า
แขวนสูงจึงดีในทั้งความดัง มิติเสียง ความสม่ำเสมอ
77.ระบบเสียงที่ดีต้องมีมิติ
ความรู้ลำโพง ระบบเสียงที่ดีต้องมีมิติ
มิติ (Dimension) ของเสียง คือการได้ยินเสียงแล้ว สามารถรับรู้ได้ถึงทิศทาง ของเสียง ตำแหน่งของต้นกำเนิดเสียง ซ้าย ขวา หน้า หลัง บน ล่าง
78.แอมป์ขับข้างละ 2 หรือ 4 ดอกอันไหนดีกว่ากัน?
แอมป์ขับข้างละ 2 หรือ 4 ดอกอันไหนดีกว่ากัน?
หลายท่านได้ลองแล้วก็จะบอกว่า ขับแค่ 2 ดอกดีกว่าเยอะ แต่บางท่านก็บอกว่าชอบขับ 4 ดอก โหดดีไม่เปลืองแอมป์
ดอกลำโพงส่งเสียงจากการสั่น ของขดทองแดงตัดกับแม่เหล็ก ป้อนไฟมากก็สั่นมาก แต่กลับกันถ้าดอกสั่นเองจากเสียงตู้ข้างๆ แล้วลองวัดขั้วลำโพงดูก็จะมีไฟออกเหมือนกัน
ยิ่งพ่วงดอกด้วยกันมาก แอมป์จะมีความสามารถในการหยุดดอก “ลดลง” การหยุดดอกของแอมป์ หรือค่าแดมปิ้งแฟคเตอร์ คือการลดความเฉื่อยของกรวยลำโพงเมื่อเสียงหยุด หรือ “ลดความเบลอ” และอีกอย่าง..ถ้าเค้นเพาเวอร์แอมป์น้อยลง ประสิทธิภาพที่ให้ก็ต้องดีเป็นธรรมดา
สรุปคือ ขับน้อยดอก เสียงย่อมกระชับกว่า แต่ก็อยู่กับบริบทการใช้งานของท่านเอง เลือกตามความเหมาะสมดีที่สุด
79.วัดเสียงแบบกราวด์เพลน Ground Plane
กราวด์เพลน Ground Plane คือการวัดตู้แบบหลบเสียงสะท้อนให้น้อยที่สุด เพราะต้องการค่า Direct จริงๆ ใช้วัดเพื่อดูพฤติกรรมของตู้ใบเดียว ก่อนที่จะแก้ไขเรื่องเฟส แล้วจึงค่อยจูนรวมเพื่อทำโทน EQ
-ตั้งลำโพงไว้ที่พื้นเรียบแข็งพร้อมก้มมุมลำโพงเฉียงลงพื้น
-วางไมค์ RTA ไว้บนแผ่นกระจกหรือแผ่นเรียบเเข็ง ระยะห่างจากตู้ อย่างน้อย 3เท่า ของด้านที่ยาวที่สุดของตู้ โดยกึ่งกลางตู้หันเข้าไมค์ RTA
ข้อดีของการวัดลักษณะนี้คือช่วยลดการสะท้อนเสียงจากพื้นได้ค่อนข้างดี โดยเฉพาะความถี่สูงๆ
80.ซับคาร์ดิออย Inverted Stack
ซับคาร์ดิออย Inverted Stack วางซับเพื่อไม่ให้เสียงออกหลัง โดยซับหันหลัง 1 ใบ เพื่อกลับเฟส
ทำได้โดยกลับเฟส และ Delay ตู้ใบล่างตามความลึกตู้ เหตุผลที่ใช้ 2:1 เพราะความดังที่ออกจากซับวูฟเฟอร์ด้านหลังจะน้อยกว่าด้านหน้า ห่างกันประมาณ 3 dB ซึ่งหันหลังซับเพียงใบเดียว ความดังจะพอเหมาะที่จะหักล้างกันพอดี เสียงไม่ไปกวนเวทีด้านหลัง
81.ลำโพง Front Fill จำเป็นต้องมีไหม
ลำโพง Front Fill จำเป็นต้องมีไหม
“ไม่มั่นใจว่าเสียงหน้าเวทีจะไม่ชัด..ให้เติมฟ้อนต์ฟิล”
ลำโพงเล็กๆ ที่มักเห็นด้านหน้าเวที ติดตั้งไว้เพื่อชดเชยเสียงจากลำโพงหลักมาไม่ถึง เพราะมุมกระจายของไลน์อาเรย์นั้นแคบอยู่แล้ว ยิ่งถ้าเวทีใหญ่ๆ จำเป็นต้องเติม Front Fill และต้องทำดีเลย์ด้วย เพื่อรอเสียงจากลำโพงหลัก ถ้าเวทีหน้าแคบก็ไม่ต้องใส่ไป
Front Fill ไม่ต้องใช้ความดังสูงมาก เอาไว้แค่เคลียร์หน้าเวที ให้คนนั่งใกล้หรือคนเต้นหน้าเวทีได้ยินเสียงชัด
82.“ลำโพงใบเล็กใน Sound System ใหญ่ๆ ที่หลายคนสงสัย?”
“ลำโพงใบเล็กใน Sound System ใหญ่ๆ ที่หลายคนสงสัย?”
คอนเสิร์ตใหญ่ในเมืองนอก หรือแม้กระทั่งคอนเสิร์ตใหญ่ๆ ในไทยที่ใช้ลำโพง L-acoustics มักจะเห็นลำโพงใบเล็กๆ ห้อยอยู่ด้านล่างเสมอ สงสัยกันใช่ไหมครับว่ามีไว้ทำไม
ตำตอบคือ ไม่ใช่เรื่องความดัง แต่ที่ต้องมีตู้ใบเล็กๆ มาเสริม เพราะต้องการเพิ่มเติมในเรื่องของมุมกระจายเสียงในแนวกว้าง (harizontal) เพราะลำโพง Mid Hi ด้านบนมีมุมกระจายเสียง Fix มาที่ 90 องศาเวอร์ (hor) และคุมถึงย่านความถี่ค่อนข้างต่ำ เมื่อต้องการให้คนที่อยู่หน้าเวทีได้ยิน PA ชัดเจน ตู้ลำโพงใบเล็กๆ จึงทำงานได้ดีในระยะใกล้ๆ
พูดอย่างเข้าใจง่ายๆคือ ตู้ Mid Hi ด้านบนมีมุมกระจายเสียงแคบแต่ยิงไดไกล ส่วนเจ้าตู้ใบเล็กๆเป็นตู้ยิงใกล้มีมุมกระจายเสียงที่กว้างกว่า แบ่งหน้าที่กันทำงานได้อย่างลงตัวนั้นเอง
83.โอห์ม กับ โวลต์ไลน์ ต่างกันอย่างไร
ความรู้ลำโพง โอห์ม กับ โวลต์ไลน์ ต่างกันอย่างไร
ระบบลำโพงมีอยู่ 2 อย่าง คือแบบโอห์ม และ โวลต์ไลน์
– แบบโอห์ม คือ ลำโพงทั่วไปตั้งแต่ในบ้าน จนถึงลำโพงคอนเสิร์ตขนาดใหญ่ เดินสายไกลไม่ได้ ให้เสียงดี
– แบบโวลต์ไลน์ ออกแบบให้ใช้สายได้ไกลระดับกิโลเมตร โดยปล่อยแรงดันไฟเข้าไปกับระบบด้วย พ่วงลำโพงได้เยอะ นิยมใช้ในระบบประกาศ แต่คุณภาพเสียงไม่ดีเท่าแบบโอห์ม
84.“ค่าโอห์มและวัตต์ของดอกลำโพง บอกอะไรเราบ้าง”
ความรู้ลำโพง “ค่าโอห์มและวัตต์ของดอกลำโพง บอกอะไรเราบ้าง”
– ค่าโอห์ม (Ω) คือหน่วยของค่าความต้านทางในวงจรกระแสไฟฟ้าสลับ ที่มีผลต่อเฟสทางไฟฟ้า เรียกว่า อิมพีแดนซ์ (impedance) ใช้สัญลักษณ์ย่อตัว Z ลำโพงทั่วไปจะมีอิมพีแดนซ์ประมาณ 6-8 โอห์ม หากมีอิมพีแดนซ์ต่ำๆ ก็จะดึงกระแส และต้องการกำลังขับที่สูงจากตัวแอมป์ ถ้าแอมป์ไม่ได้ออกแบบมาให้รองรับค่าอิมพีแดนซ์ต่ำๆ เสี่ยงแอมป์พังได้ อิมพีแดนซ์ยิ่งต่ำ ยิ่งต้องการกำลังขับสูง ลำโพงที่อิมพีแดนซ์ต่ำมากๆ บางตัวจึงต้องการแอมป์กำลังสูงๆในการขับ
– วัตต์ (watts) บอกความสามารถของตู้ลำโพง หรือ ดอกลำโพง ว่ารองรับกำลังขับจากเพาเวอร์แอมป์ได้มากหรือน้อย โดยผู้ผลิตจะบอกมาเป็นข้อมูลเชิงปริมาณ หรือตัวเลข ถ้าระบุมาค่าสูงๆ แสดงว่าลำโพงดอกนั้นสามารถรองรับกำลังได้สูง เราเรียกค่านี้อีกอย่างว่า Power Handling วิธีการดูวัตต์ลำโพง สามารถดูได้ที่ข้างกล่อง หรือที่ดอกลำโพง ก็จะระบุวัตต์ของลำโพงดอกนั้นไว้อย่างชัดเจน
85.ทำไมตู้แบนพาสออเดอร์6เสียงดังแต่เสียงแข็ง
ความรู้ลำโพง ทำไมตู้แบนพาสออเดอร์6เสียงดังแต่เสียงแข็ง
หลายคนบอกว่า ตู้แบนพาสออเดอร์ 6 ดัง แต่เสียงแข็ง
สูตรออเดอร์ 6 คือ ตู้ที่มีห้องไม้กั้นรอบเป็นอะคูสติกทั้งหน้า และหลังดอก กั้นห้องก่อนปล่อยเสียงออกมา ถ้าหากเป็นตู้เปิด เสียงหน้าดอกจะออกได้โดยไม่ผ่านอะไร
การที่เอาอะไรมาทำห้องไว้ ถือเป็นการใส่ฟิลเตอร์ความถี่ให้กับเสียงอยู่แล้ว เสียงจะถูกบีบจากความถี่กว้างๆ ที่ดอกตอบสนองให้เป็นความถี่เฉพาะย่าน และเพิ่มความดังขึ้น เสียงจากพอร์ตด้านหน้า และด้านหลังดอกรวมกัน จึงเกิดความดังที่มาก
ที่หลายคนบอกว่า ตู้แบนพาสเสียงแข็ง ก็มาจากการตอบสนองความถี่ที่แคบ เลยดูไม่ค่อยเป็นธรรมชาติเท่าไหร่ ความจริงแล้วตู้แบนพาสเสียงดีๆ ก็มีอยู่ครับ อย่างเช่น NEXO S118 เสียงดีมาก ดังมาก แต่แค่ส่วนใหญ่ที่เราเห็นกัน เป็นแบบคาเเรคเตอร์นี้
ทำความรู้จัก ระบบประกาศไร้สาย
ทำความรู้จัก ระบบประกาศไร้สาย
เสียงตามสายแต่ “ไร้สาย”
ที่เรียกกันแบบนี้ เพราะเมื่อก่อนนั้นใช้สายแบบระบบโวลต์ไลน์ แล้วเอาลำโพงมาต่อตามจุด แต่สมัยนี้มีไม่น้อยที่ใช้แบบไร้สายแล้ว เพราะดูแลง่ายกว่า ต้นทุนพอๆ กับการลากสายยาว ได้รัศมีกระจายสัญญาณที่ไกลระดับกิโลเมตร
แอดเห็นว่าช่วงนี้มีนโยบายปรับปรุงระบบกระจายข่าวท้องถิ่นหลายๆ ที่สอบถามเข้ามา จึงเอาความรู้มาฝากครับ
ทำไมคนไทยถึงรู้จัก JBL มากกว่ายี่ห้ออื่น
ทำไมคนไทยถึงรู้จัก JBL มากกว่ายี่ห้ออื่น
ลำโพงแบรนด์นอกที่คนทั้งในและนอกวงการเสียงรู้จักมากสุดก็คือ JBL ก่อตั้งมาแล้วกว่า 70 ปี โด่งดังในอเมริกาและทั่วโลก ซึ่งตอนนั้นบางแบรนด์ดังๆ ยังไม่เกิด รวมถึง บ.มหาจักร ได้นำเข้ามาตีตลาดก่อนใครๆ ชื่อนี้จึงติดหู รวมถึงจริตเสียงที่ถูกอกถูกใจ สมัยนั้นใครใช้ตู้ JBL ถือว่าสุดยอด
ขนาดคอนเสิร์ตในไทยเมื่อ 30 กว่าปีที่แล้ว ยังเห็นโลโก้ JBL ในทีวีสีส้มติดที่ตู้ลำโพงแบบสะดุดตา จึงเป็นสิ่งที่การันตรีได้ว่ายี่ห้อนี้ถูกใช้กันมานาน และพัฒนามาโดยตลอดหลายรุ่น แม้ว่ายุคนี้จะมียี่ห้ออื่นๆ ที่ดีเทียบเคียงหรือดีกว่า แต่ด้วยเทคโนโลยีและความมาก่อนใครๆ ก็ต้องนับถือว่าสุดจริงครับผม
ภาพนี้เป็น JBL VerTec 4889 ไลน์อาเรย์ชื่อดังรุ่นบุกเบิก ยังคงเฉิดฉายจนถึงปัจจุบัน
เหตุผลที่ตู้ l-acoustics ราคาสูง และไม่มีนโยบายเปิดเผยราคา
เหตุผลที่ตู้ l-acoustics ราคาสูง และไม่มีนโยบายเปิดเผยราคา
เพราะเขาทุ่มทุนที่วัสดุมากกว่าการเน้นเทคโนโลยีทางสัญญาณไฟฟ้า ความรู้สึกคือ l-acoustics เป็นแบรนด์ที่ไม่ได้ใช้เทคโนโลยีนั่นนี่โน่นมากนัก แต่ดีได้สุดๆ ด้วยความธรรมดา เน้นการออกแบบและเกรดอุปกรณ์ที่ดีมากๆ
รวมทั้งต้นทุน ค่าขนส่ง และภาษีนำเข้าแต่ละประเทศไม่เท่ากัน เขาจึงมีนโยบายที่ห้ามนำราคาลงเว็ป
ขอบคุณภาพจาก L-Acoustics
ชุดนี้เป็น l-acoustics k1 และ K2
K1 ชุดเริ่มต้น ประมาณ 50-60 ล้าน
K2 ชุดเริ่มต้น ประมาณ 18-20 ล้าน
ขึ้นอยู่กับจำนวนอุปกรณ์ในระบบครับ
ตู้ลำโพง Point source วางต่างกัน เสียงก็ต่างกัน
ตู้ลำโพง Point source วางต่างกัน เสียงก็ต่างกัน
ตั้งลำโพงแบบซ้อนหรือแบบคู่ แบบไหนดี?
– ตั้งซ้อนกัน เมื่อเดินไปซ้ายหรือขวา โทนเสียงแทบไม่เปลี่ยน แต่เสียงในระยะไกล กับใกล้จะต่างกันมาก ข้อดีคือตู้ยิงได้ไกลเพราะอยู่สูง
– ตั้งคู่กัน เมื่อเดินไปซ้ายหรือขวา โทนเสียงเปลี่ยนมาก แต่เสียงในระยะไกล กับใกล้จะคล้ายกันมาก แต่ด้านหลังจะไม่ชัดเจนเท่าตั้งซ้อน
ผู้ใช้งานก็ต้องเลือกวิธีการตั้งให้เหมาะสม หากพื้นที่งานลึกมาก ก็วางแบบซ้อน หากอยากให้โทนสม่ำเสมอกันทั้งระยะใกล้และไกล ก็วางคู่ วางต่างกันเสียงก็ต่างกันได้ แม้แต่การกลับหัวตู้เอาแหลมชนแหลม ยังทำให้เสียงเปลี่ยนเลย
เเล้วลูกเพจชอบวางแบบไหนมากกว่ากันครับ
อ่านเรื่องนี้เพิ่มเติมได้ที่ https://www.atprosound.com/point-source-setup-guide/
ซับวูฟเฟอร์แขวนท้ายเสียงเนียน แถมกำหนดจุดให้ซับลงได้
ซับวูฟเฟอร์แขวนท้ายเสียงเนียน แถมกำหนดจุดให้ซับลงได้
ซับแขวน..ถ้าไม่มีข้อดีที่เหนือกว่าคงไม่ต้องแขวนให้ยุ่งยาก
เทคนิคนี้เรียกว่า Flown Subwoofer คือการเอาซับวูฟเฟอร์ไปแขวนไว้ท้ายไลน์อาเรย์ เสียงจะเนียนและธรรมชาติกว่า เพราะจุดกำเนิดเสียงตั้งแต่สูงถึงต่ำอยู่ใกล้กันมาก ฟังใกล้หรือไกลก็คล้ายกันหมด ซับแต่ละใบทำดีเลย์ (beam steering) เพื่อกำหนดจุดตกของซับได้ คอนเสิร์ตใหญ่ๆ เครื่องเสียงแบรนด์ดังๆ จึงมีซับที่แขวนต่อท้าย และซับที่วางอยู่พื้นเพื่อช่วยเพิ่มในอรรถรสในการฟังให้มากขึ้น
ชุดนี้เป็นตู้ลำโพง Adamson E Series แรงปะทะสุดยอดมากครับ
Bi – Amp ต่ออย่างไร?
Bi – Amp ต่ออย่างไร?
การต่อ Bi-Amp ทำให้แอมป์แต่ละตัวขยายสัญญาณในช่วงความถี่ที่แคบลงแอมป์จะทำงานได้สบายมากขึ้น แต่ “ข้อเสีย” คือ เปลืองอุปกรณ์มาก และยังแมทชิ่งยากทั้งสาย ทั้งแอมป์ แต่การต่อแบบนี้ก็จะได้เสียงที่มีประสิทธิภาพ ส่วนจะแตกต่างมากน้อยแค่ไหนก็ขึ้นอยู่กับการฟังของแต่ละคน วันนี้เราจะพาไปดูการต่อแบบ Bi – Amp ว่ามีการต่อแบบไหนกันบ้างครับ
ตู้เสียงกลางแบบฮอร์นโหลดซ้อนเสียงแหลม
ตู้เสียงกลางแบบฮอร์นโหลดซ้อนเสียงแหลม
ทำไมไลน์อาเรย์แขวนคู่ได้
ทำไมไลน์อาเรย์แขวนคู่ได้
ทำไมต้องใส่ใยแก้วในตู้ลำโพง ใส่แล้วดีอย่างไรบ้าง
– แบบแรกใส่บางๆรอบๆตู้ เต็มพื้นที่ เหมาะสำหรับตู้ใหญ่ไม่ต้องการซับเสียงมาก ต้องการสะท้อนเสียงมากหน่อย ได้แรงปะทะคมๆ
– ใส่แบบก้อนๆมั่วๆ เหมาะสำหรับตู้เล็ก หรือซับที่เก็บตัวไวช่วยเสริมความนุ่มขึ้นมาได้ แต่จะขาดความแน่น และเสียงจะนุ่มแบบกลวงๆการใส่ใยแก้วที่ตู้ซับก็จะส่งผลต่อโทนเสียงกลางแหลมไปด้วย จึงต้องมีการปรับจูนเสียงใหม่เสมอ การใส่ใยแก้วไม่มีสูตรการใส่ที่แน่นอน ลองทำและลองฟังดูบางคนอยากจะชอบแบบไม่ใส่ก็ได้ครับ
เทคนิคการแก้ปัญหา เสียงก้องด้วยลำโพงให้ได้เสียงคุณภาพ
เทคนิคการแก้ปัญหา เสียงก้องด้วยลำโพงให้ได้เสียงคุณภาพ
“แก้เสียงก้องด้วยลำโพง ทำได้ไม่ยาก”
ด้วยสถานที่ทำให้เสียงก้อง ฟังไม่รู้เรื่อง วิธีแก้เสียงก้องควรแก้ที่อะคูสติกของห้อง แต่ถ้าไม่สามารถปรับปรุงห้องได้จริง ๆ ก็สามารถใช้วิธีเลือกและติดตั้งลำโพงแทน เพื่อลดการสะท้อนของเสียงได้ ถ้าเป็นห้องเล็กๆแนะนำเป็นลำโพงคอลัมน์ติดตามจุดต่างๆ ถ้าเป็นห้องขนาดใหญ่ให้ใช้เป็นลำโพงไลน์อาเรย์จะช่วยได้ครับ
วิธีแก้เสียงก้องโดยการเลือกใช้ลำโพง
– การเลือกลำโพงที่มีมุมกระจายแคบ ๆ แล้วเจาะจงไปเฉพาะผู้ฟัง จะทำให้เกิดเสียงสะท้อนน้อยลง และทำให้ผู้ฟังได้ยินชัดเจนยิ่งขึ้น ถ้าทำให้เสียงที่มาถึงผู้ฟังดังกว่าเสียงสะท้อน และเสียงนั้นมาถึงเร็วกว่าเสียงสะท้อนก็จะทำให้ผู้ฟังได้ยินได้ชัดเจนมากขึ้น
– การวางลำโพงหลาย ๆ จุด เลือกตำแหน่งให้ใกล้ผู้ฟังมากที่สุดและเปิดเบา ๆ โดยปกติปัญหาเสียงก้อง จะเกิดจากวางลำโพงห่างผู้ฟัง และเปิดด้วยเสียงดัง ๆ ทำให้เกิดเสียงสะท้อน วิธีแก้คือวางตำแหน่งลำโพงใกล้ผู้ฟัง เพื่อให้ผู้ฟังได้ยินเสียงจากตู้ลำโพงได้ชัดขึ้น และลดการสะท้อนลงได้
วิธีนี้สามารถการสะท้อนได้ระดับหนึ่ง วิธีการแก้เสียงก้องที่ดีที่สุดคือแก้ที่อะคูสติกของห้อง จะติดม่าน ปูพรม หรือติดวัสดุซับเสียงก็จะช่วยลดเสียงก้องได้แล้วครับ
ระบบโวลต์ไลน์ (Volt Line) หรือ ระบบเสียงตามสาย เป็นระบบไฮท์อิมพิแดนซ์ (Hi-Z) จำเป็นต้องใช้เพาเวอร์แอมป์ที่จ่ายเอาท์พุตเป็นไลน์ ส่วนใหญ่จะเป็น 25V , 70V , 100V ซึ่งเราสามารถเลือกใช้งานให้แมทช์กับระยะทางที่เราจะลากสายลำโพงได้
หลักการที่ทำให้ส่งสัญญาณให้ไกลได้มากยิ่งขึ้น คือ การเพิ่มแรงดัน (Step Up) ที่เพาเวอร์แอมป์ให้แรงดันไฟฟ้าสูงขึ้น เพื่อให้ส่งสัญญาณได้ไกลขึ้น เมื่อเพิ่มแรงดันสัญญาณสูงขึ้นทำให้เดินสายลำโพงได้ไกลจนถึงลำโพงแล้ว ที่ตัวลำโพงก็จะมีหม้อแปลงลดแรงดัน (Step Down) เพื่อให้แรงดันไฟฟ้าแมทช์กับดอกลำโพง เมื่อแรงดันสูงขึ้นกระแสไฟฟ้าก็จะลดลงทำให้ระบบโวลต์ไลน์จึงไม่จำเป็นต้องมีสายลำโพงที่มีขนาดใหญ่ เพราะมีกระแสไฟฟ้าผ่านน้อย
ระบบโวลต์ไลน์ มีข้อดีคือ สามารถต่อพ่วงลำโพงได้มากสามารถเดินสายยาวๆได้ และมีข้อเสียของระบบโวลต์ไลน์ เสียงจะสู้ระบบโอห์มไม่ได้ มีความถี่บางความถี่ผิดเพี้ยนและขาดหายไปนั้นเองครับ
อ่านความรู้เพิ่มเติมได้ที่ https://bit.ly/2Z2PSyH
ดอกลำโพงมีค่ากำลังวัตต์อยู่ด้วยกันถึง 3 ค่า ดูให้ดี ที่เขียนวัตต์ไว้สูงๆ อาจเป็นวัตต์พีคก็ได้
– วัตต์ RMS คือค่ากำลังที่ดอกลำโพงสามารถรับได้แบบต่อเนื่อง RMS
– วัตต์ PROGRAM นิยมใช้ค่ากำลังวัตต์นี้ไปเลือกกำลังขับของแอมป์
– วัตต์ PEAK เป็นค่าวัตต์สูงสุด ที่ดอกลำโพงรับกำลังได้ ณ ชั่วขณะ
ค่าเหล่านี้มีค่าเป็น 2 เท่า ของกันและกันเสมอ เช่นดอก 1000W Rms จะมีวัตต์ PROGRAM เท่ากับ 2000W และจะมีวัตต์ PEAK เท่ากับ 4000W ครับผม
เหตุผลที่เลือกต่อ 4 ohm ดีอย่างไร
เหตุผลที่ขับซับ 4 Ohm/ข้าง เพราะอยากให้ลำโพงทำงานสุดดอก และเสียงกระชับไม่เบลอ
ระบบเสียงวงดนตรีบ้านเราที่ส่วนใหญ่ที่ใช้แอมป์คลาส TD หรืออื่นๆ ขับข้างละ 2 ดอกทั้งนั้นไม่ว่าจะเป็น Wartech ,VL Audio, APL, TDK ถ้าเป็นคลาส TD กำลังวัตต์จะใกล้ๆ กัน แล้วก็พอดีกับดอก 18 นิ้ว 2 ดอก ทำให้ขับได้สุดดอกโดยเสียงไม่เบลอ
อีกอย่างการขับเยอะ ค่า Damping Factor จะน้อยลง เสียงอาจเบลอๆ ไปตามความสามารถในการหยุดดอกของแอมป์ ถ้าเเอมป์เสีย 1 ตัว ลำโพงก็จะดับไปเยอะ
แต่ถ้าไม่ซีเรียสเรื่องเสียงมากนัก แอมป์ขับไหว ก็ใช้ได้ไม่มีข้อห้ามขนาดนั้น การตัดสินใจใช้งานแบบไหนก็ขึ้นอยู่กับบริบทและปัจจัยของแต่ละคนครับผม
เลือกตู้ลำโพง Active ให้เหมาะกับการใช้งาน จะต้องดูที่ขนาดและความดัง และมุมกระจายเสียง
-ใช้ในการเรียน/สอน ในห้องเรียน ก็ต้องเป็นลำโพงขนาดเล็ก สามารถเคลื่อนย้ายได้ เหมาะกับการพกพาลำโพงของคุณครู รองรับการใช้งานในห้องที่มีขนาดไม่ใหญ่มาก จุนักเรียนได้ 30-40 คน ก็ควรเลือกมองเป็นลำโพงขนาด 6, 8, หรือ 10 นิ้ว
-ใช้ในงานอบรมสัมมนา งานอีเว้นท์ หรืองานเปิดตัวสินค้า แน่นอนก็จะต้องเลือกเป็นลำโพงที่มีขนาดใหญ่ กระจายเสียงรองรับการใช้งานในพื้นที่ที่มีขนาดใหญ่ขึ้น ควรเลือกมองเป็นลำโพงขนาด 10, 12, หรือ 15 นิ้ว
-ใช้ในงานแสดงดนตรีสด วงโฟล์คซอง เครื่องดนตรี 2-3 ชิ้น ลำโพงขนาด 10 และ 12 นิ้ว ก็เหมาะสมกำลังดี และหากเป็นวงดนตรีแบบ Full Band เครื่องดนตรี 4-5 ชิ้น ก็ควรมองเป็นลำโพง ขนาด 15 นิ้ว เป็นต้น
-ใช้ในงานเต้นแอโรบิค หากเป็นสถานที่ในร่ม ควรเลือกเป็นลำโพงขนาด 10 และ 12 นิ้ว ส่วนสถานที่กลางแจ้ง ควรเลือกเป็นลำโพงขนาด 12 หรือ 15 นิ้ว ก็จะสามารถใช้งานถ่ายทอดเสียงได้ดี
มุมกระจายเสียงก็เป็นส่วนสำคัญในการเลือกใช้งาน อย่างเช่นใช้งานในห้อง ถ้าเป็นไปได้ควรเลือกลำโพงแบบคอลัมน์ที่ไม่มีมุมกระจายขึ้นบนหรือลงล่างกว้างมากนัก เพราะจะทำให้เสียงก้อง ถ้างานกลางแจ้งต้องการความดังสูงๆ ก็สามารถใช้ลำโพงพอยท์ซอร์ทได้ครับ
ความแตกต่างของการวางลำโพงซับวูฟเฟอร์ 2 แบบ
ทำให้ตู้แต่ละใบที่วางใกล้กัน มีการรวมกันของคลื่นเสียงที่ออกจากหน้าดอกและหลังดอกนั้นดีกว่าเพราะความถี่และเฟสเสียง ทั้งหน้าดอกและหลังดอก จะแตกต่างกันเล็กน้อย ถ้าเราปรับเป็นการวางลักษณะนี้ พฤติกรรมของตู้จะเหมือนฮอร์นโหลด เสียงจะเสริมความถี่กันได้ดี เนื่องจากเฟสเสียงที่มาจากตู้ใบข้าง ๆ ใกล้เคียงกันมากกว่าการวางแบบธรรมดาวางแบบไหนคาแรคเตอร์เสียงก็จะเปลี่ยนตามนั้น จะเห็นว่า AT ชอบวางแบบนี้มาโดยตลอดครับ
อ่านเพิ่มเติมได้ที่ http://www.atprosound.com/end-fire-cardioid-inverse…/
#ส่งต่อคุณภาพเสียงส่งต่อความสุข
เข้าชมบทความอื่นๆ จาก AT Prosound
บทความโดย เอกพัฒน์ มั่นคง