Showing 1–24 of 159 results


สินค้าสั่งจอง
สินค้าสั่งจองล่วงหน้า
฿82,540.00
สินค้าสั่งจอง
สินค้าสั่งจองล่วงหน้า
฿400,930.00
สินค้าสั่งจอง
สินค้าสั่งจองล่วงหน้า
฿454,820.00
สินค้าสั่งจอง
สินค้าสั่งจองล่วงหน้า
฿289,520.00
สินค้าสั่งจอง
สินค้าสั่งจองล่วงหน้า
฿488,648.00
สินค้าสั่งจอง
สินค้าสั่งจองล่วงหน้า
฿629,370.00
สินค้าสั่งจอง
สินค้าสั่งจองล่วงหน้า
฿751,740.00

บทความที่เกี่ยวข้อง

รวมผลงานติดตั้งโดย ATผลงานทั้งหมด


มิกเซอร์ ดิจิตอล (Mixer Digital)

มิกซ์ดิจิตอลคืออะไร? ใช้งานแบบไหน? มีวิธีเลือกอย่างไร? ไปดูกัน


มิกเซอร์ดิจิตอล

มิกเซอร์ดิจิตอล ( Digital Mixer ) หมายถึง อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ( Electronic ) ที่ใช้ในการรวมสัญญาณเสียง แบบดิจิตอล ( Digital ) ที่ได้มาจากช่อง สัญญาณขาเข้า ( Input ) จากหลาย ๆ ช่องสัญญาณ มารวมไว้ด้วยกัน เพื่อปรับแต่ง สัญญาณเสียง ให้เกิดโทนเสียง ( Tone ) และ บาลานซ์ ( Balance ) ตามที่ต้องการ

ก่อนจะปล่อยสัญญาณเสียง ออกไป ( Output ) ยังเครื่องขยายเสียง ( Power Amp ) เพื่อส่งต่อไปยังลำโพง ( Speaker ) ผ่านสายลำโพง หรือ สายสัญญาณต่อไป


มิกเซอร์ดิจิตอล มีจุดเด่นกว่า มิกเซอร์อนาล็อกอย่างไร


  • มีสัญญาณรบกวน (noise) น้อยกว่า เนื่องจากประมวลผลสัญญาณในรูปแบบดิจิตอล
  • ความยืดหยุ่นในการปรับแต่งเสียง: มีระบบประมวลผลเสียงในตัวที่หลากหลาย เช่น EQ, compressor, effect, และยังมีเอาท์บอร์ดเกียร์ ( Outboard Gear ) หรือ เครื่องปรุงเสียง มาในลักษณะ Plug-in ติดมากับตัวมิกเซอร์อีกด้วย ทำให้ปรับแต่งเสียงได้อย่างละเอียดและหลากหลายกว่ามิกเซอร์อนาล็อก
  • บันทึกเสียงดิจิตอลได้โดยตรง: สามารถบันทึกเสียงในรูปแบบดิจิตอลได้ทันทีผ่านทางพอร์ต USB หรือ Firewire เชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์ ทำให้ได้คุณภาพเสียงที่ดี
  • รองรับการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ดิจิตอลต่างๆ: เชื่อมต่อกับอุปกรณ์ดิจิตอล เช่น คอมพิวเตอร์ ซอฟต์แวร์ หรือระบบดิจิตอล เพื่อควบคุมและปรับแต่งได้ง่ายขึ้น
  • ขนาดเล็ก น้ำหนักเบา พกพาได้สะดวกกว่า เนื่องจากใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยและมีวงจรที่กระชับกว่ามิกเซอร์อนาล็อก
  • มิกเซอร์ดิจิตอล ใช้หลักการจำลอง อุปกรณ์อนาล็อค ให้อยู่ในรูปแบบ ชิพประมวลผล แบบดิจิตอล  ทำให้มีขนาดเล็ก ต้นทุนต่ำ

ประเภทของ ดิจิตอลมิกเซอร์


  • มิกเซอร์แบบพกพา (Portable Mixer) – มีขนาดเล็ก น้ำหนักเบา เหมาะสำหรับงานที่ต้องเคลื่อนย้ายบ่อย เช่น การแสดงสด งานอีเว้นท์ เป็นต้น
  • มิกเซอร์แบบตั้งโต๊ะ (Desktop Mixer) – มีขนาดกะทัดรัด วางบนโต๊ะทำงานได้ เหมาะสำหรับห้องบันทึกเสียงขนาดเล็ก โฮมสตูดิโอ
  • มิกเซอร์แบบแร็ค (Rackmount Mixer) – เป็นมิกเซอร์ดิจิตอลขนาดเล็ก เหมาะกับการใช้งานที่ใช้ความคล่องตัวในการเคลื่อนย้าย ใช้พื้นที่ในการทำงานน้อย มีแค่ในบางรุ่นที่มีหน้าจอ และมีปุ่มกดมาให้
  • มิกเซอร์สำหรับงานกระจายเสียง (Broadcast Mixer) – ออกแบบมาเพื่อรองรับระบบเสียงสำหรับงานออกอากาศโทรทัศน์ วิทยุ มีฟังก์ชันเฉพาะทาง เช่น ระบบ talkback, on-air
  • มิกเซอร์สำหรับการแสดงสด (Live Sound Mixer) – มีขนาดใหญ่ จำนวนช่องสัญญาณมาก รองรับการเชื่อมต่อหลากหลาย เช่น เอฟเฟกต์ระบบดิจิตอล, การ์ดเสียงดิจิตอล ใช้ในคอนเสิร์ตหรือการแสดงสดขนาดใหญ่
  • มิกเซอร์เสมือนจริงบนซอฟต์แวร์ (Software/Virtual Mixer) – เป็นโปรแกรมจำลองมิกเซอร์ในคอมพิวเตอร์ ใช้ควบคุมระบบเสียงแบบดิจิตอลผ่านซอฟต์แวร์ เหมาะสำหรับงานผลิตเพลง เสียงประกอบ postproduction ที่ต้องการความสะดวกและยืดหยุ่นสูง


การเลือกมิกซ์ดิจิตอลให้เหมาะสมกับการใช้งาน ควรพิจารณาจากปัจจัยต่างๆ ดังนี้


  • วัตถุประสงค์การใช้งาน: พิจารณาว่าจะนำมิกเซอร์ไปใช้งานด้านใด เช่น งานแสดงสด บันทึกเสียง กระจายเสียง เป็นต้น
  • ขนาดและจำนวนช่องสัญญาณ (Channels): เลือกมิกเซอร์ที่มีจำนวนช่องสัญญาณเพียงพอกับอุปกรณ์ที่ต้องการต่อพ่วง เช่น ไมโครโฟน เครื่องดนตรี เป็นต้น
  • คุณภาพของเสียง: ดูสเปคของมิกเซอร์ เช่น ค่า Sampling Rate, Bit Depth, Signal-to-Noise Ratio, Dynamic Range, Frequency Response ซึ่งบ่งบอกถึงคุณภาพเสียงที่ได้
  • ฟังก์ชันการทำงาน: เลือกมิกเซอร์ที่มีฟังก์ชันครบถ้วนตามความต้องการ เช่น EQ, Dynamics, Effects, Automation, Recording เป็นต้น
  • ความสะดวกในการใช้งาน: พิจารณาการออกแบบส่วนควบคุม ความเข้าใจง่าย ความยืดหยุ่นในการปรับแต่ง และซอฟต์แวร์ที่ใช้ควบคุม
  • การเชื่อมต่อ (Connectivity): ดูประเภทและจำนวนพอร์ตเชื่อมต่อว่าเพียงพอและรองรับกับอุปกรณ์ที่ใช้งานร่วมหรือไม่ เช่น USB, Ethernet, MIDI, Digital I/O เป็นต้น
  • ความทนทาน คุณภาพ และความน่าเชื่อถือของแบรนด์: เลือกแบรนด์ที่มีชื่อเสียง คุณภาพเชื่อถือได้ มีการรับประกันที่ดี และมีบริการหลังการขาย
  • งบประมาณ: เลือกมิกเซอร์ที่มีคุณสมบัติตรงตามความต้องการและคุ้มค่ากับงบประมาณที่มี
  • ระบบป้องกัน Feedback Suppression: หากใช้งานเสียงสด ควรเลือกมิกเซอร์ที่มีระบบป้องกันเสียงหอนป้อนกลับในตัว หากคุณไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญ
  • การขยายต่อในอนาคต: หากมีแผนจะขยายระบบในอนาคต ให้เลือกมิกเซอร์ที่รองรับการเพิ่มอุปกรณ์หรืออัพเกรดได้



วิธีการใช้งานมิกเซอร์ดิจิตอลอาจแตกต่างกันไปตามแบรนด์ แต่โดยทั่วไปแล้วมีขั้นตอนพื้นฐานดังนี้


  • ศึกษาคู่มือการใช้งาน: อ่านคู่มือให้เข้าใจฟังก์ชันและการทำงานของมิกเซอร์อย่างละเอียด
  • เชื่อมต่ออุปกรณ์: ต่อสายสัญญาณจากอุปกรณ์ต่างๆ เช่น ไมโครโฟน เครื่องดนตรี เข้ากับช่องสัญญาณที่เหมาะสมบนมิกเซอร์
  • ปรับค่าเกน (Gain): ปรับค่าเกนของแต่ละช่องสัญญาณให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม เพื่อให้ได้ระดับสัญญาณที่ดีและไม่ผิดเพี้ยน
  • ปรับอีคิวไลเซอร์ (EQ): ปรับค่า EQ เพื่อปรับแต่งเสียงให้ได้คุณภาพตามต้องการ
  • ใช้งานไดนามิกส์ (Dynamics): ปรับค่าคอมเพรสเซอร์ เกต และลิมิตเตอร์ เพื่อควบคุมพลวัตของเสียง เช่น ลดเสียงดังเกินไป เพิ่มความหนักแน่น
  • ใส่เอฟเฟกต์ (Effects): เลือกใช้เอฟเฟกต์ต่างๆ เช่น รีเวิร์บ ดีเลย์ ให้เหมาะสมกับแนวเสียงที่ต้องการ
  • ปรับสมดุลย์ระดับเสียง (Level Balance): ปรับระดับเสียงของแต่ละช่องสัญญาณให้สมดุลกัน และไม่ดังหรือเบาจนเกินไป
  • ตั้งค่าเอาต์พุต (Output Routing): กำหนดค่าเอาต์พุตให้สัญญาณเสียงส่งไปยังลำโพงหรืออุปกรณ์อื่นๆ ได้อย่างถูกต้อง
  • บันทึกและเรียกใช้ค่าปรีเซ็ต (Preset): บันทึกการตั้งค่าที่ใช้บ่อยเป็นปรีเซ็ต เพื่อให้สามารถเรียกใช้ได้อย่างรวดเร็วในครั้งต่อไป
  • ใช้ซอฟต์แวร์ควบคุม (Software Control): หากมีซอฟต์แวร์ควบคุมมิกเซอร์ ให้ใช้เพื่อปรับแต่งและควบคุมการทำงานผ่านคอมพิวเตอร์ได้อย่างละเอียด

หรือดูได้จากคลิปวีดีโอการใช้งานมิกเซอร์ดิจิตอลนี้




ดิจิตอลมิกเซอร์ ยี่ห้อไหนดี


สำหรับมิกเซอร์ดิจิตอลที่เป็นแบรนด์ชั้นนำ ขอแนะนำยี่ห้อดังต่อไปนี้ครับ

Digital Mixer รุ่นยอดนิยม


7 อันดับ ดิจิตอลมิกเซอร์ยี่ห้อไหนดี ที่ได้รับความนิยมสูงสุดในปีนี้มีรุ่นอะไรบ้าง ไปติดตามกันได้เลย

สรุป แต่ถ้ายังเลือกไม่ถูกอีก สามารถรับคำเเนะนำ มิกเซอร์ ดิจิตอล โดย ผู้เชี่ยวชาญ ได้ที่ AT Prosound เลยครับผม