มือใหม่ อยากทำ โฮม สตูดิโอ ต้องมีอะไรบ้าง 2020
ดนตรี
สตูดิโอ ห้องที่นักทำเพลงใผ่ฝัน ด้วยกาลเวลาและเทคโนโลยีก็ก้าวกระโดด ทำให้ การทำเพลง ในสมัยนี้ไม่ยุ่งยากเหมือนในสมัย 20-30 ปี แล้ว คนที่สนใจในงานสตูดิโอบันทึกเสียง ก็สามารถเข้าถึงได้ง่าย
วันนี้ผมจะมาแนะนำสิ่งที่ต้องมี ของคนที่จะเริ่มต้นทำ โฮมสตูดิโอ ง่ายๆ เองที่บ้าน เพื่ออัดเพลง หรือ ทำเพลงของตนเองขึ้นมา เพื่อฝันของใครหลายๆคนที่ต้องการมีสตูดิโอเป็นของตนเอง
สารบัญ
- คอมพิวเตอร์ (Computer)
- Digital Audio Workstation (DAW)
- ออดิโออินเทอร์เฟส (Audio Interface)
- ไมโครโฟน (Microphone)
- ลำโพงมอนิเตอร์ (Monitor)
- หูฟัง( Headphone monitor)
1.คอมพิวเตอร์ (Computer)
การทำเพลง ขึ้นมานั้น อันดับแรกเลยเราต้องมี คอมพิวเตอร์ก่อน เพราะคอมเปรียบเสมือนผู้ที่คอยจัดการแทบทุกอย่างของการบันทึกเสียงเลยก็ว่าได้ แล้วจะมีคำถามขึ้นมาว่า สเปคคอมต้องแรงขนาดไหนถึงจะทำเพลงได้กันล่ะ จะไปให้พนักงานขายคอมพิวเตอร์จัดสเปคคอมสำหรับทำเพลงก็กลัวว่าจะไม่ได้ตามที่ต้องการ ดังนั้น ผมขอแนะนำสเปคคอมที่เหมาะกับการทำเพลง
CPU
สำหรับมือใหม่นั้น ใช้ CPU i5 duo-core ขึ้นไปก็สามารถใช้งานได้แล้วครับ แต่ถ้าจะให้แนะนำจริงๆเลย ขอแนะนำที่ i7 quad-core ขึ้นไป ก็จะสามารถ ทำเพลง ได้ดี ไม่มีกระตุก หรือมีปัญหาแล้วล่ะครับ
RAM
แรมสำคัญมากกับการทำเพลง เวลาโหลดเสียงเครื่องดนตรีขึ้นมา เสียงจาก Sample Library จะถูกโหลดเข้ามาเก็บไว้ที่แรมเพื่อรอคำสั่งใช้งานต่อไป พอเราป้อนคำสั่งเข้าไป ในที่นี้คือ กด MIDI Keyboard สัญญาณ MIDI ก็จะไปดึงเสียงที่เก็บไว้ใน แรม ออกมาให้ได้ยินผ่านลำโพงนั่นเอง
- ในเรื่องขนาดของ แรม ที่จะแนะนำขั้นต่ำในการทำเพลงคือ 8GB แต่ถ้ามีข้อมูลเสียงที่มีขนาดใหญ่ ควรเลือกแรมขนาด 16GB จะเหมาะกว่า
ฮาร์ดดิสก์ (HDD/SSD)
- สำหรับการเก็บ ไฟล์เสียง ควรใช้ SSD มากกว่า HDD เพราะเครื่องดนตรีต่างๆ จะโหลดขึ้นมาได้เร็วกว่าหลายเท่า
- แต่ HDD ก็ทำงานได้เหมือนกันถ้าไม่ได้ใช้งานแรม จนเต็ม เพียงแต่คุณอาจจะต้องรอเครื่องดนตรีต่างๆ โหลดขึ้นมานานหน่อยเท่านั้นเอง
2.Digital Audio Workstation (DAW)
DAW คือโปรแกรมที่ใช้สำหรับบันทึกและปรับแต่งเสียง ส่วนมากมีการทำงานคล้ายกันคือจะมี Tracks ต่างๆ เป็นแถวแนวนอน, มีเครื่องมือที่ช่วยให้เราแก้ไขไฟล์เสียง สะดวกสบาย ถ้าเรารู้จักใช้ ศึกษาตัวโปรแกรมอย่างเข้าใจ เราจะใช้งานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ มี Mixer สำหรับปรับความดัง-เบา และในตัวโปรแกรม ทำเพลง เหล่านี้ยังมีให้ใส่เครื่องมือเพิ่มเติม เป็น plug-ins เครื่องมือเสริมที่หลากหลายให้ใช้งานมากขึ้น
โปรแกรมที่ต้องมีค่าใช้จ่ายในการซื้อมาใช้งาน ที่แนะนำก็จะมี
เรื่องราคาต้องติดตามกันในหน้าเว็บออฟฟิ้เชียลล่ะครับ
แต่ปัจจุบันมี DAW ที่ทางผู้พัฒนา ปล่อยให้ไปโหลดมาใช้งานแบบฟรีๆ เป็นทางเลือก สำหรับผู้ที่งบน้อย หรืออยากลองใช้งานดูไปโหลดมาใช้งานได้ โปรแกรมฟรีที่แนะนำก็จะมี
- Garageband
- Cakewalk by Bandlab
- Pro tools First
- Presonus Studio one Prime
- Waveform Free
สามารถเข้าไปดูรายละเอียดแต่ละโปรแกรมได้ตามลิงค์เลยครับ
5 โปรแกรมทำเพลง ฟรี! ในปี 2020
3.ออดิโออินเทอร์เฟส (Audio Interface)
ออดิโออินเทอร์เฟส คือศูนย์กลางการแปลงสัญญาณระหว่าง ดิจิตอล กับ อนาล็อก กล่าวง่ายๆคือ ถ้ามีการอัดเสียงเช่น เสียงร้อง คุณก็ต้องใช้ไมโครโฟนที่แปลงเสียงของคุณให้เป็นสัญญาณ อนาล็อก สัญญาณนี้ก็จะเดินทางผ่านสายเข้าไปใน ออดิโออินเทอร์เฟส แล้วถูกแปลงเป็นดิจิตอล ไปบันทึกเก็บเอาไว้ในคอม กระบวนการนี้เรียกว่า การแปลงสัญญาณอนาล็อกเป็นดิจิตอล ในทางกลับกัน เวลาคุณเปิดไฟล์เสียงนั้น ข้อมูลดิจิตอลที่บันทึกไว้ในคอมพิวเตอร์ ก็จะส่งไปหา ออดิโออินเทอร์เฟส เพื่อแปลงเป็น อนาล็อก แล้วส่งต่อไปที่ลำโพงหรือหูฟังให้มีเสียงออกมา อันนี้คือ การแปลงสัญญาณดิจิตอลเป็นอนาล็อก
อ่านบทความที่เกี่ยวของเพิ่มได้ที่
- 7เว็บ Mastering ออนไลน์ ฟรี 2020
- มิกซ์เสียงอย่างโปร เทคนิคเลือก”หูฟัง”สำหรับมือใหม่
- เสียงดีกว่า? ลำโพงสตูดิโอแนวตั้ง จับวางแนวนอน
ออดิโออินเทอร์เฟส ที่จะแนะนำก็มี
สำหรับมือใหม่ เริ่มต้นที่ตัวนี้ได้เลย เพียงพอที่จะ ทำเพลง แน่นอน มี อินพุต 2 ช่อง ไว้อัดเสียงร้อง และเครื่องดนตรี แถมราคาไม่แพงด้วย
อีกแบรนด์ที่ขอแนะนำ ใช้ดีมากๆ เหมาะกับผู้เริ่มทำ Home studio มี อินพุต 2 ช่อง ไว้อัดเสียงร้อง และเครื่องดนตรี ราคาไม่แพงเช่นกัน
หรือจะเพิ่มเงินอีกนิดหน่อยจัดตัวนี้ไปเลย ก็สามารถทำเพลงได้แล้ว
ถ้าใครงบถึง ก็จัด ตัวนี้เลยครับ รับรองว่าเป็นออดิโออินเทอร์เฟสคุณภาพสูงเช่นเดียวกัน
4.ไมโครโฟน (Microphone)
สำหรับผู้ที่จะเริ่มต้นทำ Home studio แล้วมีงบที่จำกัด หรือมีไม่เยอะ ไมโครโฟนไดนามิก หรือจะเป็นไมค์คอนเดนเซอร์ โดยที่ความแตกต่างของทั้ง 2 ชนิด คือ ไมค์แบบ ไดนามิก นั้นสามารถนำไปใช้ในสถานที่ต่าง ๆ ได้เป็นอย่างดีไม่ว่าจะเป็นในผับ ในบาร์ หรือคอนเสิร์ตกลางแจ้ง ในขณะที่ไมค์แบบ คอนเดนเซอร์ นั้นจะเหมาะกับการใช้งานในสถานที่ ที่สามารถควบคุมได้ง่ายกว่าเช่นใน สตูดิโอ หรือภายในโรงละคร
ในการเลือกซื้อนั้น จะแนะนำแบบที่ไม่ต้องหวือหวา ราคาแพง หรือ มีฟังชั้นที่เยอะไปอาจจะไม่เหมาะกับผู้ที่จะเริ่มต้น ราคาไม่แพง จับต้องได้ง่าย อย่างเช่น
- Whafedale PRO DM5.0s ราคา 1,290.00
- Alctron MC001 ราคา 2,400.00
- Samson G-Track Pro ราคา5,900.00
- Audio Technica AT2020 USB+ ราคา 6,190.00
5.ลำโพงมอนิเตอร์ (Monitor)
ลำโพงมอนิเตอร์เหมาะกับงานบันทึกเสียงเป็นอย่างมาก เพราะว่ามีความทนทาน รับแรงสั่นสะเทือนที่เกิดจากเสียงได้ดี ที่เราควรใช้ลำโพงมอนิเตอร์ เนื่องจากการอัดเสียงไม่เหมือนการนั่งฟังเพลงทั่วไป แต่มี Dynamic Range ที่กว้างกว่าลำโพงธรรมดาหลายเท่า จึงต้องอาศัยลำโพงมอนิเตอร์ที่ดียัง ให้เสียงที่ตรงไปตรงมา ไม่ปรุงแต่ง
ลำโพงมอนิเตอร์ที่ผมจะแนะนำ แถมราคาถูก ใช้งานดี มีคุณภาพ ก็จะมี
6.หูฟัง(Headphone monitor)
ถือว่าจำเป็นมากครับ สำหรับนักดนตรี นักร้องที่กำลังอัดเสียง หรือเมื่อเราทำการ มิกซ์ หรือ EDITOR ก็ยังต้องพึ่งหูฟังครับ เพื่อฟังรายละเอียดบางอย่างที่ควรจะได้ยิน ในการซื้อ ควรเลือกซื้อ หูฟัง แบบ มอนิเตอร์ และเป็นการแก้ปัญหาของคนที่เช่าตึก อยู่ติดกับห้องข้างๆ เรื่อง ทำเพลง ตอนกลางคืน ถ้าใช้ลำโพงสตูดิโอมอนิเตอร์เพียงอย่างเดียวอาจสร้างปัญหาเสียงดังรบกวน หูฟังแบบมอนิเตอร์จึงเป็นทางเลือกที่ดี
หูฟังที่ผมจะแนะนำนั้นก็จะมีอยู่ 3 แบรนด์ 3 รุ่น ครับ
สรุป
จะเห็นว่า การจะทำโฮม สตูดิโอ ง่ายๆนั้น ไม่ต้องการอุปกรณ์อะไรที่มากมายเลย ถึงแม้จะมีงบที่ไม่สูงมากนัก ก็สามารถเลือกอุปกรณ์ที่ราคาไม่สูง แต่ได้คุณภาพที่เพียงพอในการสร้าง สตูดิโอ ของตนเองได้แล้ว ไม่ต้องใช้เงินมหาศาลเหมือนแต่ก่อนแล้วล่ะครับ แต่ถ้าใครมีงบสูง ก็แนะนำให้จัดอุปกรณ์ที่มีราคาสูงขึ้น คุณภาพที่ดีขึ้น เพื่องานที่ผลิตออกมาจะได้คุณภาพเสียงที่ดีที่สุด
ติดตามช่องทางต่างๆของ AT PROSOUND