5 อุปกรณ์ พื้นฐานระบบเสียง สำหรับมือใหม่

ระบบเสียง  พื้นฐานสำหรับมือใหม่

ระบบเสียง ใครว่าการศึกษาเป็นเรื่องยาก อ่านบทความนี้แล้ว คุณจะต้องร้องอ๋อในทันทีเลย ที่จริงระบบเสียงที่เราใช้กันอยู่ ก็มีอุปกรณ์ที่สำคัญอยู่ไม่กี่อย่าง ที่เห็นว่ามันเยอะแยะหลายอย่าง ส่วนใหญ่เป็นแค่การเพิ่มจำนวนของอุปกรณ์ที่ทำงานเหมือนกัน เพื่อรองรับอุปกรณ์ได้เยอะขึ้น ให้เสียงดังขึ้น รองรับเครื่องดนตรีได้เยอะขึ้น และ การทำงานที่ง่ายขึ้นนั่นเอง โดยระบบเสียงในยุคปัจจุบันตั้งแต่เล็ก ๆ ระดับร้องคาราโอเกะ ไปจนถึงคอนเสิร์ตใหญ่ ๆ ระดับประเทศล้วนมีอุปกรณ์พื้นฐานเหล่านี้

1.ไมโครโฟน

แน่นอนว่าในระบบเสียง ต้องมีไว้เพื่อขยายเสียงอะไรซักอย่าง นั่นก็คือเสียง “พูด” ยังไงละ แรกเริ่มเดิมที เครื่องขยายเสียง มีไว้เพื่อเพิ่มความดังเสียงของผู้พูด ให้ผู้ฟังจำนวนมากได้ยิน หรือ กระจาย ระบบเสียง เพื่อประชาสัมพันธ์ข่าวสารต่าง ๆ ให้คนที่อยู่ไกลได้รับรู้ แต่เมื่อยุคสมัยเปลี่ยนไป อุปกรณ์พวกนี้ ถูกใช้เพื่อความบันเทิงมากขึ้น ทั้งงานคอนเสริต เปิดเพลง ร้องคาราโอเกะ แม้ยุคสมัยจะเปลี่ยนไป แต่สิ่งหนึ่งที่แทบจะไม่เปลี่ยนไปเลย คือ ไมโครโฟน

ไมโครโฟน ทำหน้าที่อะไร ? ไมโครโฟน ทำหน้าที่รับเสียง เพื่อป้อนเข้าสู่ระบบเพื่อขยายต่อไป ถ้าเปรียบเทียบไมค์โครโฟน กับอวัยวะของคนก็คือ “หู” นั่นเอง

ประเภทของไมโครโฟน การแบ่งประเภทของ ไมโครโฟน มีหลายแบบมาก ขึ้นอยู่กับว่าจะใช้เกณท์อะไรในการแบ่ง แต่ไมค์ 95% จะจัดอยู่ใน 2 ชนิดนี้เป็นหลัก ได้แก่

  1. ไดนามิก ไมโครโฟน การทำงาน คือ การรับสัญญาณคลื่นเสียง ที่กระทบกับแผ่นรับเสียง เรียกว่า ไดอะเฟรม (Diaphragm) เมื่อแผ่นรับเสียงเกิดการสั่นสะเทือน จะทำให้ขดลวดที่พันอยู่รอบ ๆ เคลื่อนที่ตัดสนามแม่เหล็ก เกิดเป็นแรงดันไฟฟ้าที่ขดลวด ส่งผ่านไปยัง เครื่องขยายเสียง ทำให้เกิดเสียงที่มีความดังขึ้นมาไมโครโฟนชนิดนี้ เป็นไมค์ที่ถูกใช้มาก มักพบเห็นได้บ่อย ๆ ในงาน ระบบเสียง ต่าง ๆ เป็นไมค์เอนกประสงค์ ใช้งานได้หลากหลายสถานการ ทั้ง เสียงพูด เสียงเครื่องดนตรีต่าง ๆ ข้อดีของไมค์ชนิดนี้คือ ใช้ง่าย ต่อเสียบแล้วใช้งานได้ทันที
  2. คอนเดนเซอร์ ไมโครโฟน ประกอบไปด้วย แผ่นรับเสียง ไดอะเฟรม (Diaphragm) ประกบกับแผ่นเพลท ทำหน้าที่เป็นเหมือนตัวเก็บประจุ เมื่อเสียงทำให้ไดอะเฟรมสั่นสะเทือน ค่าความจุของตัวเก็บประจุก็จะเปลี่ยนแปลง เกิดเป็นสัญญาณไฟฟ้า แล้วส่งผ่านไปยังเครื่องขยายเสียงทำให้เกิดเสียงขึ้นไมโครโฟน ชนิดนี้จะตอบสนองความถี่สูงได้ดี การใช้งาน ไมค์ คอนเดนเซอร์จะต้องมีแหล่งจ่ายไฟเลี้ยง หรือมีแบตเตอรี่ถึงจะทำงานได้

ไมโครโฟน ร้อง/พูด (ใช้สาย)

SENNHEISER XS1

฿2,240.00฿2,990.00 (รวม VAT 7% แล้ว)

ไมโครโฟน ร้อง/พูด (ใช้สาย)

NTS B.58

฿380.00 (รวม VAT 7% แล้ว)
฿4,390.00฿4,990.00 (รวม VAT 7% แล้ว)

ไมโครโฟน ร้อง/พูด (ใช้สาย)

SHURE SV100

฿1,090.00 (รวม VAT 7% แล้ว)
สินค้าสั่งจอง
สินค้าสั่งจองล่วงหน้า

ไมโครโฟน ร้อง/พูด (ใช้สาย)

LEWITT MTP 250 DM

฿2,290.00 (รวม VAT 7% แล้ว)

ไมโครโฟน ร้อง/พูด (ใช้สาย)

SHURE PGA48-LC

฿1,590.00 (รวม VAT 7% แล้ว)

ไมโครโฟน ร้อง/พูด (ใช้สาย)

SOUNDVISION DM-89

฿1,490.00฿1,590.00 (รวม VAT 7% แล้ว)
สินค้าสั่งจอง
สินค้าสั่งจองล่วงหน้า

ไมโครโฟน ร้อง/พูด (ใช้สาย)

Superlux TM58

฿900.00 (รวม VAT 7% แล้ว)

ไมโครโฟน ร้อง/พูด (ใช้สาย)

MICRO TECH BETA-58A

฿550.00 (รวม VAT 7% แล้ว)

ไมโครโฟน ร้อง/พูด (ใช้สาย)

SENNHEISER e835s

฿4,390.00 (รวม VAT 7% แล้ว)

ไมโครโฟน ร้อง/พูด (ใช้สาย)

Franken FVM5

฿5,990.00 (รวม VAT 7% แล้ว)

ไมโครโฟน ร้อง/พูด (ใช้สาย)

Relacart SM-300

฿890.00 (รวม VAT 7% แล้ว)

2.มิกเซอร์

มิกเซอร์ ทำหน้าที่อะไร ?

มิกเซอร์ แปลว่า ผสม หน้าที่หลักของ มิกเซอร์ในระบบเสียง คือ ผสมสัญญานเสียง จากหลาย ๆ ไมค์ แล้วส่งสัญญาณออกจากมิกเซอร์ไปสู่ระบบขยายต่อไป และมิกเซอร์ก็ยังมีหน้าที่อื่น ๆ อีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการปรับ ความแรงสัญญาณเสียงขาเข้า แต่งโทนเสียง EQ บาลานซ์เสียง หรือ การยกเอาพวกเอาท์บอร์ดเกียร์ หรือ เครื่องปรุงแต่งเสียง ใส่เข้าไปในมิกเซอร์ จนเป็น มิกเซอร์ดิจิตอล ในปัจจุบัน

มิกเซอร์ เป็นอุปกรณ์ที่จะต้องมีผู้ควบคุม ปรับแต่ง อยู่ตลอดเวลา ที่เห็นได้ในคอนเสริตใหญ่ ๆ มีลำโพงนับร้อยใบ ถูกควบคุมผ่านคนเพียงคนเดียวคือ มือซาวด์ หรือ คนมิกซ์เสียงนั่นเอง

สรุปหน้าที่ของ มิกเซอร์ คือ

  1. รวมเสียงจากหลาย ๆ แหล่ง ทั้ง ไมโครโฟน เครื่องดนตรี คอมพิวเตอร์ มือถือ เป็นต้น
  2. ปรับความแรงของสัญญาณเสียงให้เหมาะสม (Gain)
  3. ปรับระดับความดังเสียง
  4. ปรับแต่งเสียงต่าง ๆ เช่น EQ คอมเพลสเซอร์ เอฟเฟค
  5. ควบคุมเสียงของลำโพงทั้งหมด

ประเภทของ มิกเซอร์

  1. มิกเซอร์ดิจิตอล เป็นที่นิยมในปัจจุบันมาก เพราะ มีขนาดเล็กกว่า ปรับแต่งเสียงได้มากกว่า ราคาถูกกว่า ถ้าเทียบกับอนาล็อกมิกเซอร์ที่มีแชนแนล และ ความสามารถในการมิกซ์เท่ากัน มิกเซอร์ดิจิตอล ใช้หลักการจำลองอุปกรณ์อนาล็อคให้อยู่ในรูปแบบชิพประมวลผลแบบดิจิตอล ทำให้มีขนาดเล็ก ต้นทุนต่ำ มิกเซอร์ดิจิตอล ก็จะมีแบ่งเป็น 2 แบบอีก คือ มิกเซอร์ดิจิตอลที่มีหน้าบอร์ด มิกเซอร์ดิจิตอลแบบแร็ค
  2. มิกเซอร์อนาล็อค ต้นฉบับดั้งเดิมของมิกเซอร์ โดยจะใช้วงจรไฟฟ้าในการปรับแต่งเสียงต่าง ๆ ข้อดีของมิกเซอร์อนาล็อคคือได้คาแรคเตอร์เสียงที่ดิจิตอลทำได้ยาก มีรายละเอียดเสียงที่ดีมาก ไม่ถูกลดทอนจากการแปลงสัญญานเหมือนพวกดิจิตอล แต่ก็มีขนาดใหญ่มาก ถ้าเทียบกับมิกเซอร์ดิจิตอล แต่ก็ยังเป็นที่นิยมอยู่ในปัจจุบัน
สินค้ามีรุ่นทดแทน
สินค้าสั่งจอง
สินค้าสั่งจองล่วงหน้า
฿6,990.00 (รวม VAT 7% แล้ว)
สินค้ามีรุ่นทดแทน
สินค้าสั่งจอง
สินค้าสั่งจองล่วงหน้า
฿3,900.00 (รวม VAT 7% แล้ว)
สินค้าสั่งจอง
สินค้าสั่งจองล่วงหน้า
฿28,700.00 (รวม VAT 7% แล้ว)
สินค้าสั่งจอง
สินค้าสั่งจองล่วงหน้า
฿622,600.00 (รวม VAT 7% แล้ว)
฿134,000.00 (รวม VAT 7% แล้ว)
฿2,480.00 (รวม VAT 7% แล้ว)
฿25,000.00 (รวม VAT 7% แล้ว)
-10%
฿15,660.00 (รวม VAT 7% แล้ว)

สเตจบ็อก

Allen & Heath DX-168

฿75,350.00 (รวม VAT 7% แล้ว)
฿2,170.00 (รวม VAT 7% แล้ว)
-10%
฿22,000.00 (รวม VAT 7% แล้ว)

3.เครื่องปรุงแต่งเสียง

เป็นอุปกรณ์ที่ช่วยเพิ่มประสิธิภาพให้ระบบเสียงได้ดีมาก เปลี่ยนลำโพงเสียงไม่ดี ให้เสียงดีได้เหมือนเปลี่ยนผีให้เป็นคนอะไรประมาณนั้นเลย โดยคนไทยให้ฉายาอุปกรณ์ประเภทนี้ว่า “เครื่องปรุงแต่งเสียง” นั่นเอง จะมีลักษณะเป็นแท่นบาง ๆ มีปุ่มปรับเยอะ ๆ มักอยู่ในแรคซ้อนกันเป็นตั้ง ๆ หลายคนหลงไหลในระบบเสียงเพราะสิ่งนี้แหละ

เครื่องปรุงแต่งเสียง ทำหน้าที่อะไร ? ก็ตามชื่อเลยครับ เอาไว้ปรับแต่งเสียง ไม่ว่าจะเป็น EQ คอมเพลสเซอร์ ครอสโอเวอร์ Gate Limiter ล้วนเป็นเครื่องปรุงแต่งเสียงทั้งสิ้น โดยหน้าที่ของแต่ละส่วนก็แตกต่างกันไป ในอดีตอุปกรณ์พวกนี้จะอยู่แยกกัน แต่ในปัจจุบันเทคโนโลยีได้รวมสิ่งเหล่านี้เข้ามาอยู่ในรูปแบบดิจิตอลหมดแล้ว โดยจำลองจากเครื่องปรุงแต่งเสียงแบบอนาล็อคตามนี้เลย

EQ หรือ Equalizer

  • EQ ย่อมาจาก Equalizer โดยรากศัพท์แล้วแปลว่า “ผู้ที่ทำให้เท่ากัน” ทำหน้าที่ปรับแต่งความถี่เสียงลำโพง ให้มีความเท่ากันกับเสียงที่เราต้องการ ที่เรียกกันติดปากว่าที่ปรับเสียง เบส กลาง แหลม นั่นแหละ แต่ EQ ใน เครื่องปรุงแต่งเสียง จะมีความละเอียดกว่ามาก โดยปรับได้เป็นหลักทศนิยม และ ยังเลือกความกว้างแคบ รูปแบบต่าง ๆ ได้ละเอียดกว่ามาก
คอมเพลสเซอร์ (Compressor)
  • คอมเพลสเซอร์ แปลว่าผู้บีบอัด ทำหน้าที่บีบอัดความดังของสัญญาน ให้ไม่แกว่งจนเกินไป อุปกรณ์ตัวนี้เป็นที่นิยมมาก เพราะ ช่วยสร้างคาแร็คเตอร์ของเสียง ให้มีความหนา กลม กระชับ มากขึ้น จนปัจจุบัน แม้อุปกรณ์เครื่องปรุงแต่งเสียงจะค่อย ๆ เลือนหายไป แต่คอมเพลสเซอร์ก็ยังมีให้เห็นอยู่เป็นประจำ
ลิมิตเตอร์ (Limitter)
  • ลิมิตเตอร์ แปลว่า จำกัด ทำหน้าที่จำกัดสัญญานเสียง ไม่ให้ดังเกินกว่าที่เรากำหนดไว้ เป็นอุปกรณ์ที่สำคัญมาก ในการป้องกันความเสียหายของดอกลำโพง จากการเปิดเสียงดังจนเกินไป ถ้าตั้งลิมิตเตอร์ได้ดี บอกเลยไม่ว่าจะอัดดังแค่ไหน ดอกก็ไม่ขาด ใช้ได้ยาว ๆ หมดห่วงเรื่องดอกพัง ในอดีตจะอยู่ในรูปแบบอนาล็อคแต่ปัจจุบันไปอยู่ในดิจิตอลเกือบทั้งหมดแล้ว
Gate
  • Gate เป็นอุปกรณ์ที่ไม่ค่อยได้พบบ่อย และ ไม่ค่อยได้ใช้ในการปรับแต่งเสียงลำโพง ตัวนี้ทำหน้าที่ช่วยเปิดปิดสัญญานเสียงอัตโนมัติ โดยถ้าไม่มีสัญญานเสียงป้อนเข้ามา หรือ มีสัญญานเสียงอ่อน ๆ ตัว Gate จะปิดไม่ยอมให้สัญญานเสียงผ่านออกไปได้ แต่ถ้ามีสัญญานดังจนถึงจุดที่เรากำหนดไว้ ตัว Gate จะเปิดให้เสียงผ่านไปได้ ส่วนมากเอาไว้ลด Noise หรือเสียง ซ่า อ่อน ๆ ที่ออกจากลำโพง ถ้าใช้ Gate จะช่วยให้เสียง Noise ลดลง หรือ หายไปได้
ครอสโอเวอร์
  • ครอสโอเวอร์ อุปกรณ์ตัวสำคัญที่สุด ขาดไม่ได้ในระบบเสียงที่มีลำโพงเยอะ ๆ ทำหน้าที่เรียบง่าย แต่ทำให้ประสิทธิภาพของระบบเสียง โดยรวมสูงขึ้นแบบเยอะมาก ๆ หน้าที่แบ่งความถี่ให้ลำโพง แต่ละตัวทำงานที่ตัวเองถนัด ยกตัวอย่างเช่น ให้ลำโพงเสียงแหลมทำงานแค่ความถี่สูง ๆ เท่านั้น ให้ลำโพงดอกใหญ่ ๆ ทำงานที่ความถี่ต่ำเท่านั้น อย่างนี้เป็นต้น การแบ่งความถี่แบบนี้เรียกตามภาษาบ้าน ๆ ว่าการตัดครอสนั่นเอง

ครอสดิจิตอล หรือ ดิจิตอลโปรเซสเซอร์ ในยุคสมัยใหม่ ได้มีการรวมเอาอุปกรณ์ปรุงแต่งเสียงต่าง ๆ มารวมไว้ในรูปแบบดิจิตอลทั้งหมดแล้ว โดยที่คนไทย มักเรียกติดปากกันว่า ไดเวอร์แรค ครอสดิจิตอล นั่นเอง จะมีลักษณะเป็นแท่นขนาด 1U ด้านในใช้ชิพประมวลผลเพื่อเลียนแบบวงจรแบบอนาล็อก จึงมีฟังก์ชันครบครันในตัวเดียว สามารถบันทึกการตั้งค่าได้ในตัว ตู้ลำโพงส่วนมากจะแถมการตั้งค่าประจำตู้ สำหรับใช้กับโปรเซสเซอร์ที่เรียกกันว่า “พรีเซ็ต” เพื่อให้เสียงของตู้ดียิ่งขึ้นไปอีก

สินค้าสั่งจอง
สินค้าสั่งจองล่วงหน้า

ครอสโอเวอร์ดิจิตอล

Marani DPA 260RTA

฿13,500.00 (รวม VAT 7% แล้ว)
สินค้ามีรุ่นทดแทน
สินค้าสั่งจอง
สินค้าสั่งจองล่วงหน้า

ครอสโอเวอร์ดิจิตอล

Marani DPA260P

฿10,500.00 (รวม VAT 7% แล้ว)

ครอสโอเวอร์ดิจิตอล

Marani MIR260A

฿16,900.00 (รวม VAT 7% แล้ว)

ครอสโอเวอร์ดิจิตอล

Marani MIR480A

฿21,900.00 (รวม VAT 7% แล้ว)

ครอสโอเวอร์ดิจิตอล

dB MARK DP26+

฿9,300.00 (รวม VAT 7% แล้ว)

ครอสโอเวอร์อนาล็อก

NTS 223XS

฿2,160.00 (รวม VAT 7% แล้ว)
สินค้าสั่งจอง
สินค้าสั่งจองล่วงหน้า

ครอสโอเวอร์ดิจิตอล

VL AUDIO V-DSP LM-26F

฿24,000.00 (รวม VAT 7% แล้ว)
สินค้าสั่งจอง
สินค้าสั่งจองล่วงหน้า

Compressor เครื่องเสียง

behringer MDX-2600

฿5,400.00 (รวม VAT 7% แล้ว)
สินค้าสั่งจอง
สินค้าสั่งจองล่วงหน้า

Compressor เครื่องเสียง

behringer XR-4400 GATE

฿7,600.00 (รวม VAT 7% แล้ว)
สินค้าสั่งจอง
สินค้าสั่งจองล่วงหน้า

ครอสโอเวอร์อนาล็อก

dbx 234xs

฿10,900.00 (รวม VAT 7% แล้ว)
สินค้าสั่งจอง
สินค้าสั่งจองล่วงหน้า
฿5,280.00 (รวม VAT 7% แล้ว)
สินค้าสั่งจอง
สินค้าสั่งจองล่วงหน้า
฿7,920.00 (รวม VAT 7% แล้ว)

4.เพาเวอร์แอมป์

หนึ่งในหัวใจหลักของระบบเสียง เป็นอุปกรณ์ที่เปรียบเสมือนขุมพลัง ของระบบเสียงเลยก็ว่าได้ กินไฟมากที่สุดในระบบเสียง ทำงานหนักที่สุด เป็นเครื่องยนต์ของระบบเสียงเลยก็ว่าได้ ในระบบเสียงแต่ละชุด จะใช้ปริมาณเพาเวอร์แอมป์ต่างกัน ทั้งจำนวน และ ขนาดในการใช้พาวเวอร์แอมป์ ก็ขึ้นอยู่กับว่าใช้ลำโพงมากน้อยเท่าไร ถ้าลำโพงเยอะ พาวเวอร์แอมป์ก็จะยิ่งเยอะตามไปด้วย

เพาเวอร์แอมป์ มีหน้าที่อะไร ? หน้าที่ของเพาเวอร์แอมป์ คือ ขยายสัญญานให้มีกำลังมากพอ ที่จะทำให้ลำโพงมีเสียงได้ แน่นอนว่าสัญญานพูดที่เข้ามาที่ไมโครโฟนนั้นอ่อนมาก ถึงจะถูกขยายด้วยปรีไมค์ในมิกเซอร์ แล้วก็ยังมีกำลังไม่พอ ที่จะขยับดอกลำโพงใหญ่ ๆ ได้ ดังนั้นเพาเวอร์แอมป์จึงมารับช่วงต่อ กำลังของเพาเวอร์แอมป์นั้นบอกเป็น วัตต์ ยิ่งวัตต์สูงก็ยิ่งขับลำโพงได้ดังขึ้น หลายใบมากขึ้น แต่ก็มีขนาด และ น้ำหนักมากขึ้นเช่นเดียวกัน

ใช้ เพาเวอร์แอมป์ กี่วัตต์ดี ? แนะนำให้วัตต์ RMS ของเพาเวอร์แอมป์ เท่ากับ วัตต์โปรแกรมของลำโพง อย่างน้อยควรเลือกให้วัตต์ RMS ของลำโพง และ เพาวเวอร์แอมป์เท่ากันพอดี แต่ให้เลือกเผื่อไว้ก่อนได้เลย ไม่ต้องกลัวว่าถ้าวัตต์ของเพาเวอร์แอมป์มากเกินไป จะทำให้ดอกลำโพงขาด เราสามารถกำหนดกำลังขยายของเพาเวอร์แอมป์ได้ในภายหลัง

สินค้าสั่งจอง
สินค้าสั่งจองล่วงหน้า
฿18,900.00 (รวม VAT 7% แล้ว)
สินค้าสั่งจอง
สินค้าสั่งจองล่วงหน้า
฿18,400.00 (รวม VAT 7% แล้ว)
สินค้าสั่งจอง
สินค้าสั่งจองล่วงหน้า
฿4,450.00 (รวม VAT 7% แล้ว)

เพาเวอร์มิกเซอร์

myNPE GT-850

฿7,990.00 (รวม VAT 7% แล้ว)
สินค้าสั่งจอง
สินค้าสั่งจองล่วงหน้า
฿9,800.00 (รวม VAT 7% แล้ว)
สินค้าสั่งจอง
สินค้าสั่งจองล่วงหน้า

เพาเวอร์มิกเซอร์

myNPE GT-4500

฿9,890.00 (รวม VAT 7% แล้ว)
สินค้าสั่งจอง
สินค้าสั่งจองล่วงหน้า
฿32,900.00 (รวม VAT 7% แล้ว)

5.ลำโพง

Phantom PH112P ตู้กลางแหลม 12 นิ้ว

ลำโพง อุปกรณ์ปลายสุดท้ายของระบบเสียง ลำโพงมีส่วนสำคัญมากที่จะบอกว่าระบบเสียงนั้นเสียง ดี และ ดัง มากแค่ไหน ในงานคอนเสิร์ตใหญ่ ๆ มีการใช้ลำโพงหลายร้อยใบเพื่อให้เสียงมีความดังครอบคลุมทั่วทั้งพื้นที่ ลำโพงมักเป็นตัวกำหนดว่าเราควรจำใช้เพาเวอร์แอมป์กี่แท่น ใช้โปรเซสเซอร์ตัวไหนถึงจะเหมาะ ดังนั้นแนะนำให้เลือกลำโพงก่อนเป็นอันดับแรกในการจัดชุดเครื่องเสียง

ลำโพง มีหน้าที่อะไร ? ลำโพงมีหน้าที่เป็นแหล่งกำเนิดเสียง โดยอุดมคติแล้วลำโพงควรผลิตเสียงให้มีความเหมือน หรือ ใกล้เคียงกับสัญญานที่ป้อนเข้ามาให้มากที่สุด แต่ยิ่งลำโพงมีคุณภาพดีเท่าไร ก็ยิ่งแพงมากขึ้นเท่านั้น แต่ในเทคโนโลยีปัจจุบันมีการใช้ครอสดิจิตอลเข้ามาช่วยเพื่อปรับแต่งคุณภาพเสียงให้ลำโพงเสียงดีขึ้นมาก แต่อย่างไรก็ตามการเลือกลำโพงที่เสียงดีตั้งแต่แรกก็เป็นผลดีกว่าการแก้โดยใช้โปรเซสเซอร์

ประเภทของลำโพง PA ลำโพง PA ที่เราเห็นทั่วไปจะมีอยู่ 3 ประเภทหลัก ๆ คือ

1.ตู้ลำโพงพอยซอร์ส (Point Souce Speaker) เป็นลำโพงรูปแบบดั้งเดิมที่สุด เกิดขึ้นในยุคแรก ๆ และ ยังเป็นที่นิยมมากอยู่ในปัจจุบัน ใช้งานง่าย ไม่ยุ่งยากจุกจิก แค่เสียบสายก็ใช้งานได้ทันที ติดตั้งตรงระดับหูพอดี หรือ สูงกว่าระดับหูแล้วก้มตู้ลงเล็กน้อย แต่ลำโพงชนิดนี้จะเน้นใช้จำนวนน้อย ๆ เพราะ มีการกวนกันของตู้แต่ละใบมากถ้าใช้จำนวนมากกว่า 2 ใบต่อข้าง ทำให้โทนในแต่ละพื้นที่ในงานมีความแกว่งอ่านบทความที่เกี่ยวข้องได้ที่

2.ตู้ลําโพง ไลน์อาเรย์ (Line Array Speaker) หรือที่คนไทยชอบเรียกว่า ตู้ลำโพงแขวน นั่นเอง เป็นเทคโนโลยีใหม่ที่เจ๋งมาก จุดเด่นของลำโพงชนิดนี้คือ ความดัง และ โทนเสียง ในแต่ละพื้นที่ในงานใกล้เคียงกันมาก แถมยังสามารถใช้ลำโพงหลาย ๆ ใบมาต่อกันได้โดยที่เสียงไม่เละเหมือนการใช้ตู้ลำโพงพอยซอร์ส และ ได้ความดังที่สูงมาก ๆ ด้วย แต่ลำโพงชนิดนี้ต้องมีความรู้ความเข้าใจพอสมควรในการคำนวนองศาแขวน การเพิ่มจำนวนใบก็มีผลต่อโทนเสียงด้วย

ซับวูฟเฟอร์

3.ตู้ลำโพง ซับวูฟเฟอร์ ระบบเสียงจะดังสะใจได้ต้องใช้ลำโพงซับวูฟเฟอร์เป็นตัวสำคัญเลย ซับวูฟเฟอร์ช่วยในเรื่องของเสียงเบสที่ แน่น ตึบ ทำให้รู้สึกสนุก และ กระหึ่มมากขึ้นนั่นเอง คนไทยชอบเสียงซับมาก จะสังเกตุได้จากสัดส่วนของตู้เสียงเบสจะมากกว่ากลางแหลมเสมอ

พาสซีพ (Passive) หรือ แอคทีพ (Active) ตู้ลำโพงก็จะแบ่งเป็น 2 แบบหลัก ๆ อีกเช่นกันคือ พาสซีพ (Passive) และ แอคทีพ (Active)

ตู้ลำโพงแอคทีพ (Active) ตู้ลำโพงแอคทีพ (Active) คือ ตู้ลำโพงที่เสียบปลั๊กแล้วพร้อมดังเลย จะมีเพาเวอร์แอมป์ในตัว ใช้งานง่าย ส่วนมากจะมีโปรเซสเซอร์ในตัวด้วยทำให้เสียงดีตั้งแต่แกะกล่องเลย และ มี Limiter ป้องกันดอกขาดมาให้ในตัว ทำให้ไม่ต้องซือเครื่องปรุงแต่งเสียงเพิ่มเลยตู้แอคทีพสังเกตุได้จากด้านหลังของตัวเครื่องจะมีปุ่มปรับเยอะกว่าตู้ปกติ และ ไม่ใช่แค่ตู้พอยซอร์สแบบเดียวที่มีแอมป์ในตัว ตู้ซับวูฟเฟอร์ ตู้ลำโพงไลน์อาเรย์ ก็มีแบบแอคทีพด้วยเช่นกัน

ข้อดี– อุปกรณ์น้อยชิ้น– เสียงดีเลย- ไม่ต้องวุ่นวายเรื่องอุปกรณ์แยก

ข้อเสีย– ต้องมีปลั๊กไฟไปเลี้ยงลำโพง– โดนน้ำไม่ได้

Phantom PH115P

ตู้ลำโพงพาสซีพ (Passive) ตู้ลำโพงพาสซีพ (Passive) เป็นลำโพงที่นิยมที่สุดเลยก็ว่าได้ ด้วยความใช้งานง่าย เสียบสายลำโพงก็สามารถใช้งานได้ทันที ในระบบเสียงปัจจุบันก็มีการใช้กันเยอะ ลำโพงชนิดนี้ต้องใช้เพาเวอร์แอมป์แยกด้วย ถ้าต้องการใช้ร่วมกับซับก็ต้องใช้ครอสโอเวอร์ หรือ พวกเครื่องปรุงแต่งเสียงเพิ่มด้วย

ข้อดี– ดูแลรักษาง่าย– พ่วงตู้ลำโพงง่าย- สามารถรวมเพาเวอร์แอมป์เป็นจุดเดียวได้

ข้อเสีย– เดินสายลำโพงยาวมากไม่ดี– ต้องใช้อุปกรณ์หลายชิ้นกว่า

สินค้าสั่งจอง
สินค้าสั่งจองล่วงหน้า
฿6,800.00 (รวม VAT 7% แล้ว)

ตู้ลำโพง ไลน์อาเรย์ พาสซีฟ

Turbosound BERLIN TBV123 ลำโพงพาสซีฟ Line array ขนาด 12 นิ้ว

฿104,000.00 (รวม VAT 7% แล้ว)
฿15,200.00 (รวม VAT 7% แล้ว)
สินค้าสั่งจอง
สินค้าสั่งจองล่วงหน้า
฿5,450.00 (รวม VAT 7% แล้ว)
สินค้ามีรุ่นทดแทน
฿9,900.00 (รวม VAT 7% แล้ว)
สินค้าสั่งจอง
สินค้าสั่งจองล่วงหน้า
฿346,800.00 (รวม VAT 7% แล้ว)
฿10,500.00 (รวม VAT 7% แล้ว)
สินค้าสั่งจอง
สินค้าสั่งจองล่วงหน้า
฿14,000.00 (รวม VAT 7% แล้ว)
สินค้าสั่งจอง
สินค้าสั่งจองล่วงหน้า
฿15,000.00 (รวม VAT 7% แล้ว)

ตู้ลำโพง ไลน์อาเรย์ พาสซีฟ

Turbosound MV212 ลำโพง Line array พาสซีฟ ขนาด 12 นิ้ว 2 ดอก

฿252,000.00 (รวม VAT 7% แล้ว)
สินค้าสั่งจอง
สินค้าสั่งจองล่วงหน้า
฿33,000.00 (รวม VAT 7% แล้ว)
สินค้าสั่งจอง
สินค้าสั่งจองล่วงหน้า
฿18,900.00 (รวม VAT 7% แล้ว)

สายสัญญาน และ สายลำโพง สายก็เป็นส่วนที่สำคัญมากในระบบเสียง เปรียบเหมือนเส้นประสาทที่คอยส่งสัญญานเสียงจากอุปกรณ์หนึ่งไปอุปกรณ์หนึ่ง หลายคนคงมีข้อสงสัยว่า ต่อยังไง ใช้สายแบบไหน ที่สำคัญคือหัวเชื่อมต่อต่าง ๆ ที่มีให้เลือกหลายแบบมาก แต่ที่ใช้หลัก ๆ มีอยู่ไม่กี่อย่างโดยสายจะแบ่งเป็น 2 ประเภทหลัก ๆ

Sommer 200-0001

สายสัญญานโดยทั่วไปจะใช้สายแบบ Balance มีตัวนำสัญญาน 2 เส้น คือสี น้ำเงิน แดง และมีอีกเส้น เป็นทองแดงที่ถักอยู่รอบ ๆ แกนสายเรียกว่า ชิล รวมทั้งหมดเป็น 3 เส้น จะมีการเข้าหัวอยู่หลายแบบ ส่วนใหญ่จะเข้าหัวแบบ XLR ด้านนึงเป็นตัวผู้ อีกด้านเป็นตัวเมีย

Sommer 425-005

สายลำโพงมีอย่างน้อย 2 แกน เป็นขั้ว + และ – ของลำโพง มีหลายขนาด ตั้งแต่ 0.5, 1, 2.5 มิลิเมตร ยิ่งสายลำโพงยาวเท่าไรต้องใช้สายเบอร์ใหญ่เท่านั้น สายลำโพงจะมีการเข้าหัวสำหรับเสียบลำโพง และ เพาเวอร์แอมป์ที่เรียกว่า SpeakON เหมือนกันทั้ง 2 ด้าน

หัวการเชื่อมต่อเป็นอีกจุดที่ควรให้ความสำคัญ เพราะ มักเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดปัญหา การที่ใช้หัวคุณภาพต่ำ ทำให้หลวม มีคราบสกปรกเข้าไปก็ทำให้สัญญานเดินได้ไม่ดีนัก เราสามารถดูหัวแจ็คก็รู้ได้เลยว่าอุปกรณ์ไหนสามารถใช้งานร่วมกันได้บ้าง ในระบบเสียงมาตรฐานจะมีอยู่ไม่กี่แบบตามนี้เลย
Neutrik NC3MXX

XLR ตัวผู้หลายคนสับสนระหว่างตัวผู้-ตัวเมียของหัวชนิดนี้ ตัวผู้นั้นจะมีเดือย 3 อัน ยื่นออกมา ในระบบเสียงตัวผู้จะถูกต่ออยู่กับ Input ของอุปกรณ์ที่นำไปเชื่อมต่อ พูดง่าย ๆ คือ สัญญานเสียงจะวิ่งจากตัวเมียไปตัวผู้ของสายสัญญานอยู่เสมอ

Neutrik NC3FXX

XLR ตัวเมียมีลักษณะเป็นรู 3 รู และ มีเดือยสำหรับล็อคด้วย ในระบบเสียง XLR ตัวเมียมักถูกเสียบอยู่กับขา Output ของุปกรณ์ที่นำไปเชื่อมต่ออยู่เสมอ สายที่ถูกใช้เยอะที่สุดคือสายที่มีหัว XLR นี่แหละ โดยด้านหนึ่งของสายจะเป็นตัวผู้อีกด้านจะเป็นตัวเมีย

สปีคค่อน

สเปคคอน (SpeakON)หัวเชื่อมต่อสำหรับลำโพงโดยเฉพาะ ใช้งานง่าย ป้องกันการต่อสายกลับเฟสได้ดีมาก เพราะ ถ้าเข้าหัวถูกต้องแล้ว ผู้ใช้มีหน้าที่แค่เสียบก็สามารถใช้งานได้ทันที ความพิเศษอีกอย่างของหัวชนิดนี้คือจะสามารถใช้กับสายลำโพง 4-8 คอร์ได้ในหัวเดียว นั่นหมายความว่าเราสามารถต่อลำโพง 2 ทาง ที่ใช้แอมป์ 2 แชนแนลในการขับในสายลำโพงเส้นเดียวได้เลย

หัวการเชื่อมต่ออื่น ๆ

หัวเชื่อมต่อที่ใช้ในงานเสียงมีหลายชนิดมาก การเรียกชื่อสายสัญญานให้เข้าใจตรงกัน ทำให้ทำงานเร็วขึ้น และง่ายในการบอกชื่อสายที่เฉพาะเจาะจง โดยการเรียกชื่อนั้นก็ไม่ยาก ให้เอาชื่อ [ชื่อหัวด้านที่ 1]+to+[ชื่อหัวด้านที่ 2] เช่น TRS to XLR ตัวผู้ หรือ 3.5 to TS

สินค้าสั่งจอง
สินค้าสั่งจองล่วงหน้า

สายไมโครโฟนตัดเมตร

SOMMER CABLE Stage 22 Highflex

฿79.00฿7,900.00 (รวม VAT 7% แล้ว)
สินค้าสั่งจอง
สินค้าสั่งจองล่วงหน้า

สายต่อระบบเสียงแบบตัดเมตร

SOMMER CABLE SC-ISOPOD SO-F22

฿55.00฿5,500.00 (รวม VAT 7% แล้ว)

หัว XLR

Neutrik NC3MXX

฿135.00 (รวม VAT 7% แล้ว)
สินค้าสั่งจอง
สินค้าสั่งจองล่วงหน้า

สายไมโครโฟนตัดเมตร

VL AUDIO VLine M120P

฿44.00฿3,600.00 (รวม VAT 7% แล้ว)

หัว XLR

Neutrik NC3FXX

฿145.00 (รวม VAT 7% แล้ว)
สินค้าสั่งจอง
สินค้าสั่งจองล่วงหน้า

สายลำโพงตัดเมตร

VL AUDIO VLine S02N25

฿93.00฿7,900.00 (รวม VAT 7% แล้ว)
สินค้าสั่งจอง
สินค้าสั่งจองล่วงหน้า

สายไมโครโฟนแบบตัดเมตร

VL AUDIO VLine M26

฿34.00฿2,900.00 (รวม VAT 7% แล้ว)
สินค้าสั่งจอง
สินค้าสั่งจองล่วงหน้า

สายลำโพงตัดเมตร

VL AUDIO VLine TP02N25

฿71.00฿6,900.00 (รวม VAT 7% แล้ว)
สินค้าสั่งจอง
สินค้าสั่งจองล่วงหน้า

สายลำโพงตัดเมตร

VL AUDIO VLine S04N25

฿163.00฿14,400.00 (รวม VAT 7% แล้ว)
สินค้าสั่งจอง
สินค้าสั่งจองล่วงหน้า

สายลำโพงตัดเมตร

VL AUDIOVLine S02N40

฿136.00฿11,800.00 (รวม VAT 7% แล้ว)

หัว TS

LIDGE YM-201D

฿35.00 (รวม VAT 7% แล้ว)

หัว XLR

LIDGE YM-002A

฿36.00 (รวม VAT 7% แล้ว)

สรุป คงได้เห็นภาพรวมกันไปแล้วว่ามีอุปกรณ์อะไรบ้าง ในการต่อระบบก็จะไล่จากบนลงล่าง จาก ไมโครโฟน>มิกเซอร์>เครื่องปรุงแต่งเสียง>พาวเวอร์แอมป์>ลำโพง นั่นเอง สำหรับใครที่กำลังจะเริ่มซื้อเครื่องเสียงก็แนะนำให้ใช้ลำโพง แอคทีพ ไปเลยก็สะดวกดี แต่ถ้าใครชอบที่จะเลือกอุปกรณ์เป็นชิ้น ๆ เอง ก็อาจจะชอบลำโพง พาสซีพ มากกว่า ถ้าอยากปรึกษาเพิ่มเติมสามารถโทรมาที่ 062-8246695 หรือ ทักมาที่เพจ https://www.facebook.com/atprosound/

ติดตามช่องทางต่างๆของ AT PROSOUND FACEBOOK ATPROSOUNDYOUTUBE ATPROSOUND


สินค้าแนะนำตามความสนใจ

สินค้าสั่งจอง
สินค้าสั่งจองล่วงหน้า
฿79.00฿7,900.00 (รวม VAT 7% แล้ว)
สินค้าสั่งจอง
สินค้าสั่งจองล่วงหน้า
฿55.00฿5,500.00 (รวม VAT 7% แล้ว)
฿135.00 (รวม VAT 7% แล้ว)
สินค้าสั่งจอง
สินค้าสั่งจองล่วงหน้า
฿44.00฿3,600.00 (รวม VAT 7% แล้ว)
฿145.00 (รวม VAT 7% แล้ว)
สินค้าสั่งจอง
สินค้าสั่งจองล่วงหน้า
฿93.00฿7,900.00 (รวม VAT 7% แล้ว)
สินค้าสั่งจอง
สินค้าสั่งจองล่วงหน้า
฿34.00฿2,900.00 (รวม VAT 7% แล้ว)
สินค้าสั่งจอง
สินค้าสั่งจองล่วงหน้า
฿71.00฿6,900.00 (รวม VAT 7% แล้ว)

บทความที่คุณอาจชอบ ในหมวดหมู่เดียวกัน

ใส่ความเห็น