หูไม่ดี ที่อยากให้ดู (Human Auditory)
ทฤษฎีเสียง
หูไม่ดี ที่อยากให้ดู มิกซ์เสียง
หลายคนคงเคยประสบปัญหา มีเป้าหมายอยากเป็นนักฟังที่ดี มิกซ์เสียง ปรับเเต่เสียงที่เก่ง เเต่ไม่รู้จะเริ่มต้นจากไหนก่อน บทความนี้ จึงอยากเเนะนำให้ย้อนไปถึงจุดเริ่มต้นของการฟังสำหรับมนุษย์ทุกคน ซึ่งเป็นอวัยวะที่ติดตัวมาตั้งเเต่เกิด นั่นก็คือหูนั่นเอง เลยขอมาอธิบายถึงความรู้พื้นฐานเรื่องการได้ยินของมนุษย์ ในเเบบที่เข้าใจไม่ยากกันก่อน
หูไม่ดี ที่อยากให้ดู มิกซ์เสียง สารบัญ
Human Auditory Range
เริ่มต้นมนุษย์สามารถได้ยินความถี่เสี่ยงตั้งเเต่ 20Hz – 20kHz เเละมีช่วงห่างของระดับเสียงที่ดังสุดและเบาสุดอยู่ที่ 120dB ซึ่งเเต่ละคนจะได้ยินไม่เหมือนกัน ขึ้นอยู่กับ กรรมพันธุ์ อายุ ความเสื่อมของหู เป็นต้น ทีนี้ระดับเสียงที่ดังสุดและเบาสุดที่มนุษย์ได้ยิน ในเเต่ละความถี่ก็จะเเตกต่างกันออกไป
(ขอบคุณรูปจาก http://www.cochlea.org/en/hear/human-auditory-range)
จากรูปเเนวนอน คือ ความถี่เสียง หน่วยเป็นHz ส่วนเเนวตั้ง คือ ระดับความดังเสียง หน่วยเป็นdB ในส่วนพื้นที่สีเขียว Auditory Field คือ ระดับเสียงที่ดังสุดและเบาสุด ในเเต่ละความถี่ที่ หู มนุษย์ได้ยินเเล้วสามารถเเยกเเยะความดังเบาของเสียงได้ ถ้าต่ำหรือสูงกว่าพื้นที่สีเขียว หมายถึง มนุษย์จะไม่สามารถเเยกเเยะความดังในความถี่นั้นๆได้เลย ยกตัวอย่างเช่น จากในรูปที่ความถี่ 1kHz – 2kHz จะมีความดังเสียงที่เบาที่สุด ที่สามารถเเยกเเยะความดังเสียงได้ประมาณ 5dB ส่วนระดับความดังเสียงสูงสุดที่สามารถแยกแยะได้จะอยู่ประมาณ 125dB ถ้าเสียงมีระดับที่ดังกว่านี้ จะไม่รู้สึกว่าดังขึ้นนั่นเอง เเละความสามารถในการแยกแยะระดับความดังเสียงจะค่อยๆลดลงเรื่อยๆในความถี่ที่เสียงสูงขึ้น และความถี่เสียงที่ต่ำลง
Equal Loudness Contour
ต่อมา แม้จะปล่อยเสียงที่มีระดับความดังเสียงที่เท่ากันในทุกๆความถี่ เเต่ไม่ได้หมายความว่า หู มนุษย์จะรับรู้ได้ว่าทุกๆความถี่มีระดับความดังเสียงที่เท่ากัน สังเกตุได้จากกราฟ Equal Loudness Contour ซึ่งเป็นกราฟเปรียบเทียบการได้ยินของมนุษย์ โดยที่เเนวนอน คือ ความถี่เสียง หน่วยเป็นHz ส่วนเเนวตั้ง คือ ระดับความดังเสียง หน่วยเป็นdB จากกราฟจะเห็นเส้นโค้งต่างๆสูงขึ้นในความถี่เสียงต่ำ แสดงให้เห็นว่า ถ้าอยากให้คนรับรู้ความดังในความถี่เสียงต่ำเท่ากับในความถี่เสียงสูง ระดับความดังในความถี่เสียงต่ำ จะต้องมีระดับความดังเสียงที่มากกว่านั่นเอง ตัวอย่าง เส้นสีฟ้ามีระดับความดังเสียง 10dB ที่ความถี่ 1,000Hz เเล้วในเส้นเดียวกันที่ความถี่ 33.5Hz ต้องใช้ระดับความดังเสียงสูงถึง 69dB เพื่อจะให้มีความรู้สึกถึงความดังเท่ากับที่ 1,000Hz จะเห็นได้ว่ามีความต่างกันถึง 59dB
อ่านบทความที่เกี่ยวข้องได้ที่
- ภาวะสูญเสียการได้ยิน (Hearing Loss) อาการที่ไม่ควรมองข้าม!!!
- 5 แอปฝึกหู 2020 ใครๆก็หูเทพได้
- มิกซ์เสียงอย่างโปร เทคนิคเลือก”หูฟัง”สำหรับมือใหม่
เปรียบเทียบกับ เส้นสีส้มที่มีความดัง 80dB ที่ความถี่ 1,000Hz แล้วในเส้นเดียวกันที่ความถี่ 33.5Hz ต้องใช้ระดับความดังเสียงสูงขึ้นเป็น 110dB เพื่อที่จะให้มีความรู้สึกถึงความดังเท่ากับที่ 1,000Hz จะเห็นได้ว่ามีความต่างกันลดลงเหลือแค่ 30dB จากตัวอย่างแรก
สรุป จะเห็นได้ว่า ความต่างกันระหว่างความถี่เสียงต่ำ 33.5Hz กับความถี่เสียงกลาง 1000Hz จะมีความเเตกต่างกันน้อยลงเมื่อระดับความดังเสียงที่เพิ่มขึ้น สู่บทสรุปที่ว่า เวลาเปิดเพลง หรือSound check ในระดับความดังเสียงที่ไม่ดังมาก มิกซ์เสียง บาลานซ์เสียงเบส เสียงกลางได้ดีเเล้ว พอเวลาโชว์ ใช้เสียงที่ดังขึ้นอาจทำให้บาลานซ์เสียได้ ในการเซตอัพระบบเสียงก็เช่นกัน ยิ่งในงานดนตรีสด ความดังของ Sub woofer จึงต้องมากกว่าเสียงกลางเพราะ หู ฟังเเบบนั้นนั่นเอง
ติดตามช่องทางต่างๆของ AT PROSOUND
บทความโดย เอกพัฒน์ มั่นคง