สิ่งที่ควรรู้ !! เกี่ยวกับ “ไฟเวที” (Stage Lighting)
AT ออนไลน์ไกด์, อื่นๆ, เกร็ดความรู้
ไฟเวที (Stage Lighting) กับสิ่งที่คุณควรรู้ !!
ไฟเวที (Stage Lighting) | เช่นเดียวกับเสียง ที่ประกอบไปด้วยคลื่นความถี่ที่เราสามารถรับรู้ได้ด้วยหู ในขณะที่แสงไฟ “Light” ก็เป็นเพียงความยาวคลื่นความถี่สูง ที่เราสามารถตีความ และรับรู้ได้ด้วยตา โดยแสงที่มนุษย์สามารถรับรู้ได้นับเป็นส่วนหนึ่งของคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า ที่อยู่ในช่วงความยาวคลื่น 400 ถึง 700 นาโนเมตร เรียกว่า “แสงที่ตามองเห็น” (Visible Light)
เราจะเห็นได้ว่าในวงการเสียง งานคอนเสิร์ตต่าง ๆ นอกจากระบบเครื่องเสียงที่ดีแล้ว ระบบแสง ไฟ และสีที่ดีนั้น ก็เป็นสิ่งที่ขาดไปไม่ได้เช่นกัน ไฟบนเวที หรือ Stage Lighting นั้นไม่ได้มีหน้าที่เพียงแค่เพิ่มความสว่างบนเวทีอย่างเดียวเท่านั้น แต่ยังเป็นส่วนทำหน้าที่สร้างสรรค์ เพื่อสื่ออารมณ์ให้กับการแสดงในเชิงศิลปะได้อีกด้วย ดังนั้นในบทความนี้.. เรามาว่ากันด้วยเรื่อง สิ่งที่ควรรู้ !! เกี่ยวกับ “ไฟเวที” (Stage Lighting) เพื่อความเข้าใจจุดประสงค์ในอุปกรณ์แสง และช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้กับการแสดงบนเวทีกันครับ
จุดประสงค์ของการจัดไฟเวที (Stage Lighting)
จุดประสงค์ของการจัดไฟเวที ไม่ได้จำกัดอยู่เพียงวัตถุประสงค์เดียวเท่านั้น โดยหลัก ๆ แล้ว จุดประสงค์ของไฟเวทีมีดังต่อไปนี้ครับ
-
ส่องสว่างบนเวที
วัตถุประสงค์พื้นฐานที่สุดสำหรับการจัด Lighting นั่นก็คือ การให้แสงสว่างแก่นักแสดง ฉาก และอุปกรณ์ประกอบฉาก เพื่อให้ผู้ชมสามารถมองเห็นทุกสิ่ง ที่พวกเขาต้องการเห็นบนเวทีได้อย่างชัดเจน หากแสงสว่างไม่เพียงพออาจทำให้ประสิทธิภาพ และคุณภาพของโปรดักชั่นนั้นถูกลดทอนลงได้ นอกจากนี้.. แสงและสี ก็มีความสำคัญต่อผู้ที่ทำการแสดงบนเวทีในด้านความปลอดภัยด้วยเช่นกัน เพื่อลดโอกาสที่อาจก่อให้เกิดอุบัติเหตุบนเวทีได้ ไม่ว่าจะเป็นนักแสดง นักเต้น และนักดนตรีเองก็ตาม
-
เน้นพื้นที่ต่าง ๆ
การจัดไฟ Lighting ยังช่วยกำหนดทิศทางให้กับผู้ชมได้ว่า ควรโฟกัสไปที่ตำแหน่งใดบนเวที ยกตัวอย่าง เช่น ในกรณีที่มือกีตาร์กำลังทำการโซโล่อยู่ที่หน้าเวที หรือในเวลาที่พิธีกรกำลังขึ้นบรรยาย พื้นที่ส่วนใหญ่บนเวทีอาจมีความมืด โดยมีไฟสปอตไลท์เพียงไม่กี่ดวงที่โฟกัสไปยังตำแหน่งนั้น เพื่อชี้นำความสนใจของผู้ชมไปยังพื้นที่เฉพาะของผู้ที่อยู่เบื้องหน้าเวที
-
การสร้างบรรยากาศ
การจัดไฟ Lighting ยังช่วยให้คุณสร้างภาพลักษณ์ที่พึงประสงค์ให้กับบรรยากาศได้อีกด้วย ยกตัวอย่าง เช่น การสร้างภาพลวงตาด้วยแสง การใช้แสงที่เคลื่อนไหวเพื่อทำให้ดูเหมือนพระอาทิตย์กำลังขึ้น หรือทำให้เวทีมืดไปเมื่อถึงฉากที่นักแสดงกดสวิตช์ไฟ เป็นต้น
-
สื่ออารมณ์ให้การแสดง
ที่สำคัญ.. การจัดไฟ Lighting ยังส่งผลอย่างมากต่ออารมณ์อีกด้วย โดยหลักการแล้วคือการจับคู่แสงกับอารมณ์เนื้อหา หรือสถานการณ์บนเวที เพื่อกระตุ้นอารมณ์ที่เหมาะสมให้กับผู้ชม ซึ่งอาจหมายถึงแสงที่นุ่มนวล และอบอุ่นสำหรับฉากที่มีความสุขในละคร หรือโทนสีเย็นที่สลัว ๆ สำหรับเพลงเศร้า ๆ ในคอนเสิร์ต ซึ่งสีมีความเกี่ยวข้องกับอารมณ์ที่แตกต่างกัน ยกตัวอย่าง เช่น สีโทนเย็น มักเกี่ยวข้องกับความโศกเศร้า และสีโทนร้อน เกี่ยวข้องกับความรู้สึกที่รุนแรง เป็นต้น
ประเภทของไฟเวที
ไฟเวทีที่ใช้เป็นองค์ประกอบบนเวทีกันทั่วไป มีอยู่หลากหลายประเภท ซึ่งแต่ละประเภทได้รับการออกแบบมาเพื่อวัตถุประสงค์เฉพาะ ดังนั้นบนเวทีใดเวทีหนึ่งจะไม่ได้มีอยู่แค่ไฟประเภทใดประเภทหนึ่งเท่านั้น ในหัวข้อนี้ผมได้รวบรวมประเภทของไฟเวทีที่พบกันได้บ่อย ๆ ดังนี้ครับ
-
Ellipsoidal
ไฟเวที Ellipsoidal หรือ “Reflector Spotlight ทรงรี” ให้ลำแสงที่เข้มข้น และชัดเจน นิยมใช้สำหรับเป็นไฟที่ให้แสงด้านหน้าของเวที เป็นไฟที่สามารถปรับโฟกัสของแสงไฟให้มีความนุ่มนวล หรือให้มีความคมมากขึ้นได้ อีกทั้งยังสามารถปรับรูปร่างของแสง เพื่อป้องกันไม่ให้แสงไหลผ่านเข้าสู่บริเวณที่ยังคงต้องการให้มืดได้ นอกจากนี้ยังสามารถสร้างสีสันได้อีกด้วย
-
Followspot
Followspot เป็นไฟสปอตไลท์ประเภทหนึ่ง ทำหน้าที่เป็นโฟกัสให้กับนักแสดง หรือนักดนตรีที่เคลื่อนไหวไปตามพื้นที่ต่าง ๆ ของเวที ไฟประเภทนี้จำเป็นต้องมีการตอบสนอง ต่อผู้ที่ทำการแสดงอยู่ที่หน้าเวทีได้แบบเรียลไทม์ ดังนั้นไฟ Followspot จึงเป็นไฟที่ต้องควบคุมด้วยตนเอง นอกจากนี้ก็ยังสามารถปรับขนาด ระดับความเข้มข้นของแสง และปรับสีได้อย่างง่ายดาย ด้วย Built-in Panel ในตัว
-
Fresnel
Fresnel หรือมีอีกคำที่เรียกว่า “Wash Lights” เป็นไฟที่ตั้งชื่อตามนักประดิษฐ์ ที่ชื่อว่า “Augustin Fresnel” สิ่งที่ทำให้ไฟประเภทนี้มีเอกลักษณ์ที่เฉพาะตัว นั่นก็คือ เลนส์ที่ทำจะมีลักษณะเป็นวงแหวนที่มีจุดศูนย์กลาง และแสงไฟจะสว่างที่สุด ณ จุดศูนย์กลางของวงแหวน แต่จะมีความจางที่ขอบ เป็นไฟประเภทที่ให้แสงสว่างเฉพาะจุดแบบปรับโฟกัส และปรับลำแสงได้
-
Par
PAR หรือย่อมาจาก “Parabolic Aluminized Reflector” เป็นส่วนประกอบหลักในการให้แสงสว่างบนเวที โดยไฟ PAR เป็นโคมไฟลำแสงปิดผนึกในโลหะทรงกระบอก ไฟประเภทนี้จะคล้าย ๆ กับไฟหน้ารถ และมีการออกแบบที่เรียบง่าย คุณสามารถใช้ไฟ PAR เพื่อสร้างลำแสงในแนวนอน หรือแนวตั้งได้ โดยมาตรฐานแล้วมักจะสามารถใช้เจล หรือฟิลเตอร์สีเพื่อสร้างสีให้กับแสงไฟได้ แต่ไม่สามารถปรับเปลี่ยนรูปทรงของลำแสงได้
-
Floodlight
เป็นโคมไฟที่ใช้ ชิป LED ในการส่องสว่าง ให้มุมการกระจายแสงที่กว้างกว่าโคมไฟทั่วไป ซึ่งหลาย ๆ คนอาจจะสับสนกับโคมไฟสปอตไลท์ ที่มีหน้าตาคล้าย ๆ กัน จึงทำให้หลายคนเข้าใจผิด เกี่ยวกับความแตกต่างระหว่างโคมไฟ Floodlight กับโคมไฟสปอตไลท์ นั่นก็คือ ไฟสปอตไลท์จะให้แสงสว่างเฉพาะจุด มีมุมกระจายของแสงไม่กว้างเท่า Floodlight ดังนั้นลำแสงของสปอตไลท์ จะเป็นแสงที่พุ่งตรงเพื่อใช้โฟกัสจุดใดจุดหนึ่งนั่นเอง
-
Cyclorama
ไฟเวที Cyclorama หรือย่อสั้น ๆ ว่า “Cyc” ส่วนใหญ่แล้วมักพบได้บนเวทีสำหรับการแสดงละครเวที เป็นไฟสำหรับส่องสว่างให้กับฉากหลัง หรือ Backdrop โดยไฟ Lighting ประเภทนี้นี้ จะให้คุณลักษณะของการกระจายแสงที่สม่ำเสมอ และมีมุมกระจายแสงที่กว้าง ซึ่งไฟ Lighting เภทนี้สามารถวางบนพื้น หรือแขวนไว้ใกล้กับฉากหลัง เพื่อให้สามารถครอบคลุมฉากหลังได้อย่างมีประสิทธิภาพ
-
Strip Light
Strip Light จะมีความคล้ายกับไฟ Cyc อยู่บ้างเล็กน้อย ตรงที่ประกอบไปด้วยโคมไฟหลายดวง เรียงกันเป็นแถวแนวนอน แต่ไฟ Strip Light จะมีความครอบคลุมของแสงมากกว่าไฟ Cyc ซึ่งไฟประเภทนี้ คือสิ่งที่ Lighting Designer หลายคนใช้ เพื่อเพิ่มความครอบคลุมของสีจำนวนมากให้กับเวที
อ่านบทความที่เกี่ยวข้อง
- พื้นฐานระบบแสงเวทีและอุปกรณ์
- 5 คอนเสิร์ต ที่ระบบแสงสียิ่งใหญ่ที่สุด ในเมืองไทย 2019
- ลำโพงแบรนด์ไทย กับเวที 360 องศา
ตำแหน่งการจัดไฟเวที
หลักการพื้นฐานเกี่ยวกับการจัดแสงไฟบนเวทีประการหนึ่ง ที่ต้องทำความเข้าใจก็คือ “ตำแหน่งการจัดไฟ” ซึ่งตำแหน่งการจัดไฟบนเวที ที่ Lighting Designer คำนึงถึงในการออกแบบ มีดังต่อไปนี้ครับ
-
Front Light
Front Light หรือไฟด้านหน้า เป็นตำแหน่งสำคัญหลัก ๆ สำหรับการจัดไฟเวที เพราะเป็นตำแหน่งที่ให้ความส่องสว่างแก่ผู้ที่ทำการแสดง หรือผู้ที่บรรยายอยู่บนเวทีไม่ว่าจะเป็นนักร้อง นักดนตรี นักแสดง และพิธีกร เป็นต้น ทำให้ผู้ชมได้เห็น และเข้าใจองค์ประกอบต่าง ๆ รวมถึงเนื้อหาของการแสดงบนเวทีได้อย่างชัดเจน
-
Back Light
ตำแหน่งการจัดไฟ Back Light เป็นตำแหน่งที่ทำให้เวที และองค์ประกอบต่าง ๆ บนเวทีมีมิติมากขึ้น โดยที่ Back Light จะอยู่ด้านหลังของเวที หรือด้านหลังของนักแสดง ซึ่งสามารถจัดตำแหน่งไฟ Back Light ตามจุดต่าง ๆ ด้วยไฟ PAR ในแนวตั้งได้ เนื่องจากไฟ PAR สามารถติดตั้งได้ดีในตำแหน่งไฟ Back Light โดยเฉพาะ และสามารถปรับเปลี่ยนสี และความเข้มของแสงไฟได้
-
Down Light
อีกหนึ่งวิธีในการเพิ่มมิติให้กับเวที ก็คือการใช้ดาวน์ไลท์ โดยเป็นตำแหน่งที่วางอยู่บนพื้นเวที และส่องไฟขึ้นด้านบนเพดานเวที ซึ่งดาวน์ไลท์อาจมีความเข้มของแสงที่ต่างกันออกไปครับ
-
Side / High Side Light
Side Light เป็นไฟที่จัดวางในตำแหน่งด้านข้างของเวที เพื่อให้แสงสว่างจากด้านใดด้านหนึ่งแก่นักแสดง นักดนตรี และพิธีกร ในส่วน High Side ก็อยู่ในตำแหน่งด้านข้างเช่นกัน เพียงแต่จะจัดวางให้มีตำแหน่งที่สูงกว่า เป็นตำแหน่งที่ส่องไฟไปที่ศีรษะ และไหล่ของผู้ที่อยู่บนเวที ซึ่งการจัดวางแสงไฟในตำแหน่งเหล่านี้ มีความสำคัญต่อการให้ผู้ชมได้เห็นใบหน้าของผู้ที่อยู่บนเวทีได้อย่างชัดเจน
เทคนิคการใช้สีของแสงไฟ
ในเรื่องสีของแสงไฟ เป็นส่วนที่มีอิทธิพลอย่างมากต่อการสร้างบรรยากาศให้กับเวที และสื่ออารมณ์ต่าง ๆ ให้กับผู้ชม โดยเทคนิคหลัก ๆ ในการใช้สีของแสงไฟ มีดังต่อไปนี้ครับ
-
Monochromatic
เป็นเทคนิคการเลือกใช้สีต่าง ๆ ที่อยู่ในเฉดสีเดียวกันตาม Color Wheel หรือเรียกว่า “สีเอกรงค์” ซึ่งเป็นตัวเลือกที่ดีหากต้องการจัดแสงไฟ Lighting ให้มีความเรียบง่าย หรือเน้นสีเดียวครับ
-
Complementary
เทคนิคนี้เป็นเทคนิคที่ใช้สีคู่ตรงข้ามกันตาม Color Wheel หรือสีที่ตัดกันอย่างรุนแรง เพื่อลดความสดของแต่ละสี อาจจะใช้เป็นวิธีการตัดกัน เช่น ใช้สีที่หนึ่งเป็นสีหลัก เป็นสีที่มีพื้นที่มากกว่า และใช้สีที่สอง (สีตรงข้าม) ซึ่งใช้พื้นที่สีน้อยกว่าในการตัด หรืออาจจะใช้เป็นวิธีนำทั้งสองสีมาผสมกันก็ได้ ยกตัวอย่าง เช่น แดงกับเขียว , ม่วงกับเหลือง , น้ำเงินกับส้ม เป็นต้น
-
Triads
เทคนิค Triads Color เป็นการใช้คู่สี 3 เฉด ที่เป็นคู่สีแยกตรงข้ามตาม Color Wheel ที่แยกเป็นทางซ้าย และขวาในลักษณะรูปสามเหลี่ยม ยกตัวอย่าง เช่น แดง/เหลือง/น้ำเงิน หรือ เขียว/ส้ม/ม่วง เป็นต้น เพื่อเพิ่มความหลากหลายในโทนสีของเวทีนั่นเองครับ
-
Adjacent (Analogous)
เป็นเทคนิคที่ใช้สีที่อยู่ข้างเคียงกันทั้งซ้าย และขวาตาม Color Wheel เป็นสีที่มีความคล้ายคลึงกัน เพื่อสร้างความกลมกลืนกัน และลดความขัดแย้งของสี ยกตัวอย่าง เช่น แดง/ส้มแดง/ส้ม หรือ ส้มเหลือง/เหลือง/เขียวเหลือง เป็นต้น
-
Cool / Warm
เป็นเทคนิคที่เกี่ยวข้องกับเรื่องอุณหภูมิของสี และเป็นเทคนิคที่สามารถสร้างบรรยากาศได้อีกด้วย Cool Color หรือสีโทนเย็น ประกอบไปด้วย 3 เฉดหลัก ๆ นั่นก็คือ สีเขียว สีน้ำเงิน และสีม่วง เป็นโทนสีที่ให้ความรู้สึกสุภาพ สงบ ลึกลับ เยือกเย็น ในทางจิตวิทยาสีโทนเย็นมีความสัมพันธ์กับความรู้สึกหดหู่ และเศร้าครับ ในส่วนของ Warm Color หรือสีโทนร้อน บางคนก็เรียกว่าสีโทนอุ่น ประกอบไปด้วย 3 เฉดหลัก ๆ เช่นกัน นั่นก็คือ สีแดง สีส้ม และสีเหลือง เป็นโทนสีที่ให้ความรู้สึกตื่นตา มีพลัง อบอุ่น สนุกสนาน และดึงดูดความสนใจได้ดีครับ
-
เกร็ดความรู้เพิ่มเติม
สีของแสงไฟ Lighting บนเวที เป็นสิ่งที่สามารถสื่อ และกระตุ้นอารมณ์บางอย่าง หรือส่งผลต่อความรู้สึกโดยรวมต่อฉาก และการแสดงได้ แต่นั่นไม่ใช่ทั้งหมด เพราะนอกจากนี้ โทนของสียังเป็นสิ่งที่แสดงถึงความเป็นสัญลักษณ์ ความเชื่อมโยงกันกับธีมหลักของการแสดง และเวทีได้อีกด้วยครับ
คำศัพท์ ! ที่ควรรู้ เกี่ยวกับแสงไฟ
-
Wash
Wash ในภาษาไทยที่แปลว่า “ล้าง” เป็นศัพท์ที่ใช้เรียกไฟที่มีลักษณะของลำแสงที่กว้าง ครอบคลุมได้อย่างสม่ำเสมอทั้งเวทีนั่นเองครับ
-
Intensity
Intensity หรือ “ความเข้ม” คือศัพท์ที่ Lighting Designer ใช้เพื่ออธิบายระดับความสว่างของแสงไฟเวที
-
Diffusion
Diffusion ในภาษาไทยแปลว่า “การกระจาย” หมายถึง การที่แสงสะท้อน หรือกระทบกับตัวกลางที่มีพื้นผิวไม่เรียบ และกระจายทิศทางการสะท้อน หรือการนำแสงโดยไม่อิงกับแนวฉาก ทำให้วัตถุที่สะท้อนมีความสว่าง
-
Gel
Gel หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า “ฟิลเตอร์สี” คือสิ่งที่ Lighting Designer ใช้ในการเปลี่ยนสีของแสงไฟ เจลสี หรือฟิลเตอร์สีจะเป็นในลักษณะของแผ่นพลาสติกสีโปร่งแสง ซึ่งคุณสามารถใช้แสงไฟเดียวกันเพื่อใส่สีต่าง ๆ ได้มากมาย
สรุป
ไม่ว่าจะเวทีคอนเสิร์ต หรือเวทีละคร นอกจากเรื่องของระบบเสียงที่ดีแล้ว สิ่งที่ทำให้งานนั้นออกมามีคุณภาพที่สุด ระบบแสงไฟเวทีที่ดีก็เป็นสิ่งที่ดึงดูดความน่าสนใจของผู้ชม และขาดไปไม่ได้เช่นกันครับ ที่กล่าวมาทั้งหมดในบทความนี้ ยังเป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งของสาระน่ารู้ในเรื่องระบบแสงไฟเวทีเท่านั้น ในบทความต่อไปของ AT Prosound เราจะมาขยายเนื้อหากันต่อในเรื่องของระบบแสงไฟเวทีเช่นเดิม แต่รายละเอียดจะเป็นอย่างไรนั้น รอติดตามกันได้เลยครับ
หากท่านมีความสนใจ หรือต้องการติดต่อสอบถามข้อมูล เกี่ยวกับสินค้า หรืองานติดตั้งระบบเสียงต่าง ๆ กับผู้เชี่ยวชาญโดยตรง ท่านสามารถติดต่อเข้ามาได้ที่ :
- Tel. : 098-785-5549
- Facebook : AT prosound-shop
- Line : @atprosound
- E-mail : [email protected]
เวลาทำการ
Monday | 9:00 — 18:00 |
Tuesday | 9:00 — 18:00 |
Wednesday | 9:00 — 18:00 |
Thursday | 9:00 — 18:00 |
Friday | 9:00 — 18:00 |
Saturday | 10:00 — 19:00 |
Sunday | Closed |
AT Prosound ยินดีให้บริการครับ
ติดตามข่าวสารได้ที่ Facebook AT Prosound
อ้างอิงจาก : Stage Lighting 101 By illuminated Integration
บทความโดย : ณัฐพจน์ วิจารัตน์