7 เทคนิค การมิกซ์เสียงด้วย “หูฟัง”
AT ออนไลน์ไกด์, ข่าววงการเสียง, อื่นๆ
เทคนิคการเลือกหูฟัง มิกซ์เสียง
เทคนิคการเลือกหูฟัง ผมได้ยินคำถามประมาณนี้อยู่บ่อยๆว่า “ไม่มีลำโพงมอนิเตอร์ สามารถใช้หูฟังมอนิเตอร์มิกซ์เสียงได้ไหม” ด้วยประสบการณ์ส่วนตัวของแอดมินนั้น คอนเฟิร์มเลยว่า “ได้แน่นอน” แต่ถ้าความเห็นผมมันยังหนักแน่นไม่พอสำหรับเพื่อนๆ ยังมี มิกซิ่งเอนจิเนียร์ระดับโลก อย่าง Andrew Scheps ซึ่งเป็นคนที่เคยร่วมงานกับศิลปินระดับโลกอย่าง อะเดล เรดฮอตชิลีเพปเปอส์ เมทัลลิกา และ บียอนเซ่ เคยให้สัมภาษว่า เค้ามิกซิ่งด้วยหูฟังอยู่บ่อยๆเนื่องจากตัวเค้าต้องเดินทางอยู่บ่อยๆและเค้าก็พอใจกับผลลัพธ์ที่ได้
ข้อจำกัดของการมิกซ์เสียงด้วยหูฟัง
แต่แม้การมิกซ์เสียงด้วยหูฟังให้ดีจะเป็นเรื่องที่เป็นไปได้ แต่เราก็ยังจำเป็นที่จะต้องเช็คเพลงของเรากับลำโพงหลายๆแบบ เพราะว่าข้อจำกัดของการมิกซ์เสียงด้วยหูฟังคือมิติที่เราได้ยินจะไม่เหมือนกับฟังในลำโพง
ในการฟังเสียงด้วยหูฟังเราจะได้ยินเสียงจาก Driver ข้างซ้ายเข้าสู่หูซ้ายโดยตรง Driver ด้านขวาเข้าสู่หูขวาโดยตรง หูสองข้างเราจะฟังเสียงแยกกันอย่างสิ้นเชิง แต่ในการกลับกันการฟังเสียงด้วยลำโพง หูทั้งสองข้างของเราจะได้ยินเสียงจากดอกลำโพงทั้งซ้ายทั้งขวามาผสมกันซึ่งเรียกว่า Crossfeed และยังได้ยินเสียงสะท้อนจากสภาพแวดล้อมของห้องอีก
ด้วยเหตุผลตามที่บอกทำให้ เวลาเราฟังเสียงจากหูฟัง เราจะได้ยิน Stereo Image ที่กว้างกว่าความเป็นจริง รวมถึงเลเวลบาลานซ์ต่างๆของเครื่องดนตรีจะไม่เหมือนกับฟังในลำโพง
ลำโพง เป็นสื่อที่นิยมเปิดเพลงมากกว่าหูฟัง ในยุคปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นลำโพงมือถือ ลำโพงรถยนต์ ลำโพงโทรทัศน์ ลำโพงในห้างสรรพสินค้า
ทำให้สื่อหลายๆเจ้าแนะนำให้ทำการมิกซ์เสียงด้วยลำโพงมากกว่าหูฟังซึ่งก็ไม่ผิด
เพราะส่วนตัวแอดมินก็คิดว่า มิกซ์เสียงในลำโพงให้เสียงดีในหูฟัง ง่ายกว่า มิกซ์เสียงในหูฟังให้เสียงดีในลำโพง
อ่านบทความที่เกี่ยวข้องได้ที่
- 5 แอปฝึกหู 2020 ใครๆก็หูเทพได้
- มิกซ์เสียงอย่างโปร เทคนิคเลือก”หูฟัง”สำหรับมือใหม่
- มิกซ์เสียง อย่างโปรด้วย Sidechain Compressor
ข้อดีของการมิกซ์เสียงด้วยหูฟัง
แม้จะมีข้อจำกัดแต่หูฟังก็มีข้อดีที่ลำโพงให้ไม่ได้เช่นกัน
- หูฟังไม่แคร์อะคูสติกห้อง
อย่างที่บอกเวลาเราฟังลำโพง เราจะได้ยินเสียงสะท้อนจากสิ่งแวดล้อมภายในห้องด้วย ถ้าตำแหน่งวางลำโพงไม่สมมาตรหรือห้องเรามีปัญหาอะคูสติกที่แก้ไม่ได้ การใช้หูฟังจึงเป็นทางเลือกที่ดีครับ - ให้รายละเอียดเสียงที่ดีกว่า
สำหรับผมหูฟังจะให้อารมณ์คล้ายๆ ซูมแว่นขยายดูเวฟฟอร์มใน DAW
อย่างที่บอกนะครับการฟังเสียงจากลำโพงเราจะได้ยินเสียงสะท้อนจากห้องมาด้วย ซึ่งอาจจะกลบปัญหาบางส่วนที่เราต้องแก้ไขได้ ในส่วนนึ้หูฟังจึงได้เปรียบลำโพง เพราะไม่มีเรื่อง อะคูสติกห้อง เข้ามาเกี่ยว - ใช้ที่ไหนก็ได้
ข้อนี้แอดมินชอบมาก เวลาอยากเปลี่ยนบรรยากาศเวลาทำงาน การจะยกลำโพงออกไปด้วยมันอาจจะลำบาก หูฟังนี่แหละครับสะดวกสุด ไม่ว่าจะไปร้านกาแฟ เที่ยวทะเลภูเขา เราก็เอาไปได้ พอเที่ยวเสร็จเราก็อาจจะเอาเพลงที่มิกซ์ไปลองเปิดในลำโพงที่บ้านหรือในรถเพื่อนตรวจสอบได้
อย่างไรก็ตามจุดประสงค์หลักอย่างหนึ่งของการมิกซ์ไม่ว่าจะมิกซ์ด้วยลำโพงหรือหูฟัง ก็คือให้เพลงของเราเนี่ยเสียงฟังดีที่สุดในทุกๆ อุปกรณ์ ทุกๆสถานะการณ์
เดี๋ยวเรามาดูกันว่ามีเทคนิกการมิกซ์ด้วยหูฟังที่แอดมินจะมานำเสนอวันนี้ทั้ง 9 ข้อมีอะไรบ้าง
1.ใช้หูฟังที่มีคุณภาพ
ในการมิกซ์เสียงควรเลือกใช้หูฟังที่มีคุณภาพ และ ตอบสนองย่านความถี่ที่ครบและไม่มีย่านไหนโดดออกมา ซึ่งส่วนใหญ่หูฟังสำหรับงานสตูดิโอ ผู้ผลิตเค้าก็จะใส่คำว่า Studio Monitor หรือ Studio Headphone อะไรพวกนี้อยู่ในชื่อรุ่นหรือกล่องของหูฟังอยู่แล้ว แต่ถ้าเรายังเลือกไม่ถูกก็สามารถเข้าไปเลือกได้ที่เว็บไซต์
http://www.atprosound.com/product-category/studio-and-recording/headphones/headphones-over-ear/
ได้เลยครับ
2.เช็คเพลงของคุณกับลำโพงอะไรสักอย่าง
ถึงแม้เราจะไม่มีลำโพงสตูดิโอมอนิเตอร์ดีๆ แต่แอดมินมั่นใจว่าทุกคนต้องมีลำโพงอะไรสักอย่างในบ้านที่สามารถเอาเพลงเราไปลองเปิดได้ อาจจะเป็นลำโพงในรถ ลำโพงทีวี ลำโพงฟังเพลงของพ่อ แม้แต่ลำโพงโทรศัพท์ก็ได้ จากนั้นลองฟัง วิเคราะห์ จดบันทึกส่วนที่ขาดเกิน เพื่อนำไปแก้ไขเพลงของเราครับ
3. ระวังเรื่อง Stereo Image
ในหูฟังเราจะได้ยิน Stereo image ที่กว้างเกินความจริง เพราะหูซ้ายหูขวาเราได้ยินเสียงจากชาแนลซ้าย ขวา แยกกันเลย ไม่เหมือนกับเวลาฟังลำโพงที่หูข้างนึงขอเราจะได้ยินจากลำโพงทั้งสองข้างผสมกัน
ซึ่งปัญหานี้อาจจะทำให้เราตัดสินใจ Pan ยากขึ้น เช่น อย่างตัวแอดมินเองเคยเจอปัญหาว่าฟังในหูฟังแล้วกว้างพอดีแล้วแต่พอไปฟังในลำโพงกลับแคบกว่าที่คิดมาก
ฉะนั้นเวลามิกซ์ด้วยหูฟังให้พยายามคิดเรื่อง Stereo image เวลาไปฟังในลำโพงด้วย
4. เช็คเพลง กับหูฟังอื่นๆ
เช่นเดียวกับข้อที่ให้ไปเช็คเพลงของเรากับลำโพงอื่นๆเลย หูฟังแต่ละรุ่นก็มีคาแรคเตอที่แตกต่างกันออกไป อาจจะต้องไปลองฟังกับพวกหูฟังที่แถมสมาร์ทโฟน หรือพวกหูฟังเกมมิ่ง เพราะคนฟังเพลงส่วนใหญ่คงไม่ได้ใช้หูฟังคุณภาพเดียวกับที่เราใช้ในการมิกซ์เสียงฟังอยู่แล้ว
5. หาเพลงเป็น เรฟเฟอเรนซ์
ข้อนี้สำคัญมาก การที่เราหาเพลงสักเพลงซึ่งอาจจะเป็นแนวเดียวกับเพลงที่เรามิกซ์ หรือเพลงที่เราชอบซาวน์ มาเปิดในโปรเจคขณะมิกซ์ด้วยเพื่อฟังเปรียบเทียบขณะที่คุณมิกซ์เสียง เรฟเฟอเรนซ์จะช่วยให้เราตัดสินใจปรับเสียงในเพลงของเราได้เร็วขึ้น
โดยให้เราพยายามเลี่ยนแบบสิ่งที่ชอบในเพลงนั้นๆได้เลย ไม่ว่าจะเป็นบาลานซ์เลเวล การแพนเสียงเครื่องดนตรี เป็นต้น
6. ให้ซอฟต์แวร์ช่วย
ทุกวันนี้มีปลั๊กอินสำหรับ DAW เยอะแยะมากมายที่จะช่วยให้เรามิกซ์เสียงในหูฟังได้ดีขึ้น เช่น
Sonarwork reference 4 เป็นปลั๊กอินที่ทำให้หูฟังเราเสียง Flat ขึ้น
Wave nx ที่เป็นปลั๊กอินจำลองว่าเราฟังเสียงจากลำโพงมอนิเตอร์อยู่โดยฟังผ่านหูฟัง โดยปลั๊กอินตัวนี้ก็ทำการจำลองการ Crossfeed ของเสียงทำให้หูข้างนึงของเราได้ยินเสียงจากชาแนลซ้ายขวาผสมกันและเสียงสะท้อนของห้องเหมือนกับฟังผ่านลำโพง
นอกจากนี้ยังมีปลั๊กอินฟรีเช่น
DeeSpeaker Monitor Simulator ที่จำลองให้เหมือนกับเราฟังเสียงจากลำโพง ทั้งที่จริงๆแล้วเราใส่หูฟังเหมือนกัน Wave nx
Beyerdynamic – VIRTUAL STUDIO จำลองการฟังเสียงจากลำโพงในสถานะการต่างๆ เช่น ฟังเสียงจากลำโพงระบบ 5.1 จำลองลำโพงรถยนต์ เป็นต้น
7. อย่าโดนหูฟังหลอก
เรามักจะบาลานซ์เสียงด้วยหูฟังได้ยาก เพราะเสียงต่างๆที่ฟังจากหูฟังมันอยู่ติดกับหูของเราเลย ทำให้มันรู้สึกดังและคมชัดเกินจริง ทำให้เกิดปัญหาเช่น ปรับเครื่องดนตรีบางเครื่องเบาเกินไป หรือใส่รีเวิร์บเยอะเกินไปเป็น หรือบางครั้งก็ปรับเสียงร้องเบาไปเพราะเวลาฟังหูฟังเรารู้สึกว่ามันดังมาก
พอไปฟังกับลำโพงเสียงที่เคยดังเกินกลับถูกกลบหายไป เสียงร้องที่เคยดังในหูฟังแล้วเราไปเบาไว้ ก็จมกับไปกับเสียงดนตรี
ปัญหาพวกนี้ก็จะเกิดขึ้นได้บ่อยๆเมื่อมิกซ์กับหูฟังครับ ฉะนั้นเมื่อเรามิกส์เสียงกับหูฟังก็พยายามนำไปเปิดทดสอบกับลำโพงอื่นๆ เพื่อเช็คบาลานซ์กันด้วยนะครับ
ติดตามช่องทางต่างๆของ AT PROSOUND