ความรู้สายสัญญาณ
ความรู้สายสัญญาณ | รวมบทความ “ความรู้สายสัญญาณ” จาก AT Prosound เช่น บทความรีวิว, บทความเปรียบเทียบสินค้า เป็นต้น ที่เป็นเกร็ดความรู้ไม่มากก็น้อย มาให้ชาว AT ทุกท่านได้อ่านกันครับ
สารบัญ
- ต่อสายยังไง ไม่ให้รก
- ทำความเข้าใจกับสายสัญญาณ
- สายลำโพง VS สาย VCT
- แจ็คราคาแพง ต่างจากแจ็คราคาหลักสิบอย่างไร?
- สายสัญญาณมีผลต่อเสียงจริงหรือ?
- ชื่อเรียกหัวแจ๊คในระบบเสียงที่ใช้กันบ่อยๆ
- เครื่องเช็คสาย ตัวช่วยของคนทำเสียง
- สายลำโพงควรยาวไม่เกินกี่เมตร
- จูนเสียงแบบไม่เสียเงิน โดยใช้มือถือวัดกราฟ
- Balance กับ Unbalance ต่างกันอย่าสับสน!
- มาทำความรู้จักกับแจ็ค 3.5 mm. แต่ละแบบ
ต่อสายยังไง ไม่ให้รก
“ต่อสายยังไง ไม่ให้รก”
ถ้าต้องใช้แอมป์ร่วมกันหลายๆ ตัวในแร็คเดียว
Patch Panal หรือแผงสำหรับต่อสายสัญญาณ จะช่วยให้สายเป็นระเบียบและทำงานได้ง่ายมากยิ่งขึ้น
กลับหน้าสารบัญทำความเข้าใจกับสายสัญญาณ ทำความเข้าใจกับสายสัญญาณ
Balance และ Unbalance
อ่านต่อได้ที่ สายสัญญาณเสียง Balance และ Unbalance ในสตูดิโอ
กลับหน้าสารบัญสายลำโพง VS สาย VCT สายลำโพง VS สาย VCT
สายสัญญาณเบอร์ 2.5 mm เท่ากัน
– สายลำโพงแท้ “เส้นเล็ก จำนวนเส้นต่อพื้นที่เยอะ”
– สายไฟ VCT “เส้นใหญ่ จำนวนเส้นต่อพื้นที่น้อย”
ที่ต่างกันอย่างเห็นได้ชัด คือ สายลำโพงถนัดนำกระแส สาย VCT ถนัดนำแรงดัน หลายๆ คนจะทราบว่าสัญญาณที่ออกจากเพาเวอร์แอมป์ จะหนักไปทางกระแส แต่สายลำโพงแท้ๆ ราคาแพงกว่าสาย VCT
การเลือกสายแต่ละประเภทขึ้นอยู่กับบริบท และความเหมาะสมกับระบบเสียงว่ารับงานแบบไหนใช้งานแบบไหน
กลับหน้าสารบัญแจ็คราคาแพง ต่างจากแจ็คราคาหลักสิบอย่างไร? แจ็คราคาแพง ต่างจากแจ็คราคาหลักสิบอย่างไร?
คำตอบคือ ต่างที่วัสดุ เมื่อวัสดุต่างสิ่งที่จะต่างอีก คือ
– ความสามารถในการนำไฟฟ้า (มีผลต่อเสียง)
– การคงสภาพเมื่อเวลาผ่านไป (คราบอ๊อกไซด์สีเขียว ตามจุดบัดกรี)
– ความแน่นความแข็งแรง (เวลาเสียบจะแน่นสนิท)
กลับหน้าสารบัญ
สายสัญญาณมีผลต่อเสียงจริงหรือ?
สายสัญญาณมีผลต่อเสียงจริงหรือ?
“สายสัญญาณ..มีผลต่อเสียงอย่างมาก แต่บางคนบอกว่าไม่มี”
ถ้าไม่มีผลแล้วสายสัญญาณราคาแพงเกือบเท่าราคาเครื่องเสียง ทำไมยังมีขายอยู่?
ถ้ามีเครื่องเสียงที่เเพงและดี สายในระบบต้องดีควบคู่ไปด้วย เพื่อส่งเสริมให้อุปกรณ์ปลายทางทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ ถ้าคิดลงทุนซื้อระบบเสียงไว้ใช้ โดยอุปกรณ์อื่นเลือกซื้ออย่างดี แต่สายเลือกแบบราคาถูก เสียงที่ออกมาแทนที่จะดี แต่กลับมีสายเป็นคอขวดของระบบ ผลออกมาคือเสียงไม่ดีเท่าที่ควร
แต่ถ้าอุปกรณ์เสียงต้นทาง-ปลายทางไม่มาตรฐาน ต่อให้ใช้สายสัญญาณที่ดีมาก ก็ไม่ช่วยให้เสียงดีขึ้นเช่นกัน
สรุปคือ อุปกรณ์และสาย ควรเลือกคุณภาพให้พอทัดเทียมกัน จึงจะส่งผลให้เสียงออกมาเต็มประสิทธิภาพของอุปกรณ์
กลับหน้าสารบัญ
ชื่อเรียกหัวแจ๊คในระบบเสียงที่ใช้กันบ่อยๆ
ชื่อเรียกหัวแจ๊คในระบบเสียงที่ใช้กันบ่อยๆ
หลายคนได้เคยเห็นและเคยใช้ แต่บางคนอาจลืมชื่อเรียกชื่อไปแล้ว วันนี้เลยยกตัวอย่างชื่อของหัวสัญญานที่ใช้กันอยู่ครับ
กลับหน้าสารบัญ
เครื่องเช็คสาย ตัวช่วยของคนทำเสียง
เครื่องเช็คสาย ตัวช่วยของคนทำเสียง
จะรู้ได้อย่างไร ว่าสายพังหรือผิด!
เสียงที่แปลกๆ ร้อยละครึ่งนั้นมาจากสาย เพราะฉะนั้นสายจึงสำคัญ ห้ามกลับขั้วเด็ดขาด Cable Tester คือเครื่องมือช่วยให้ช่างเสียงตรวจสอบระบบสายได้ง่ายขึ้น ลดระยะเวลาการทำงาน
– ใช้งานโดยเสียบสายสัญญาณทั้ง 2 ด้านเข้าที่เครื่อง และบิดลูกบิดเพื่อเช็ค ถ้าถูกต้องไฟทั้งสองสี ต้องขึ้นที่ตำแหน่งเดียวกัน ถ้าต่อสายผิดไฟทั้งสองสี จะขึ้นสลับตำแหน่งกัน ถ้าสายขาดสามารถรู้ได้โดยเส้นที่ขาดจะไม่มีไฟขึ้น สามารถเช็คได้ทุกชนิดทั้งสายไมค์ สายลำโพง สายกีตาร์ สาย USB สายแลนด์ สายมิดี้ เชคได้ทั้งสายขาดใน หรือสายต่อสลับขั้ว
กลับหน้าสารบัญ
สายลำโพงควรยาวไม่เกินกี่เมตร
สายลำโพงควรยาวไม่เกินกี่เมตร
สรุปให้..ความยาวสายลำโพงไม่ควรเกินเท่าไหร่
คำนวณจากค่าดรอปของสัญญาณและแดมปิ้งแฟคเตอร์ของระบบครับ
จูนเสียงแบบไม่เสียเงิน โดยใช้มือถือวัดกราฟ
จูนเสียงแบบไม่เสียเงิน โดยใช้มือถือวัดกราฟ
การจูนเสียงคือ การจัดการเเหล่งกำเนิดเสียงที่มากกว่า 1 แหล่ง ก็คือลำโพงที่ส่งเสียงมาหาคนฟัง ให้มาพร้อมๆกัน ส่วนมากเสียงซับจะมาถึงก่อน เพราะตั้งอยู่ด้านหน้าของเสียงกลาง สิ่งที่ต้องทำคือ Delay ลำโพงซับ ให้เข้ามาหาเสียงกลาง จะมีขั้นตอนจูนจากแอปฯ ในโทรศัพท์ง่ายๆ ไปเริ่มทำกันครับ
– ปล่อยความถี่ Sine Wave ที่ตัดครอสโอเวอร์ไว้ เช่น ตัดซับกับเสียงกลางไว้ที่100Hz ก็คือทั้งซับ เเละเสียงกลางจะมีความถี่ 100Hz เหมือนกัน ก็ให้ปล่อย Sine Wave ที่ 100Hz
– ใช้โทรศัพท์ที่มีแอปฯ วัดความดังเสียง หรือวัด RTAได้ และเราต้องอยู่หน้าลำโพงที่จุดรับฟัง ให้เริ่มทำทีละข้าง เเล้วเปิดเสียงกลาง เร่งเสียงจนกว่าความถี่ 100Hz จะดังขึ้นไปที่ 90dB
– ปิดเสียงกลางเเล้วเปิดลำโพงซับ ปรับความดังที่ 100Hz ให้ความดังเท่ากับเสียงกลาง คือ 90dB เเล้วกลับเฟสลำโพงซับ
– เปิดลำโพงพร้อมกันทั้งกลางเเละซับ เริ่มทำ Delay จากลำโพงซับจนกว่าความถี่ 100Hz ของซับเบาที่สุด เเล้วกลับเฟสซับกลับมาเหมือนเดิม ดูความดังที่ 100Hz จะบวกมา 6dB เป็น 96dB จากนั้น บาลานซ์เสียงกลางกับซับได้ตามชอบเลย เท่านี้ก็เสร็จสิ้นการจูนด้วยโทรศัพท์แล้วครับ
อ่านเพิ่มเติมได้ที่ www.atprosound.com/systems-alignment/
กลับหน้าสารบัญ
Balance กับ Unbalance ต่างกันอย่าสับสน!
Balance กับ Unbalance ต่างกันอย่าสับสน!
ต่อ 1 ช่องสัญญาณ
– แจ็ค Balance มี 3 ขั้ว สัญญาณแรง และรบกวนน้อยกว่า
– แจ็ค Unbalance มี 2 ขั้ว สัญญาณเบาเเละรบกวนมากกว่า
สายสัญญาณ Balance นิยมใช้ 2 แบบหลักๆ คือ
-XLR มีทั้งตัวผู้และตัวเมีย บางคนเรียกแจ๊คแบบนี้ว่า แคนนอล มีความต้านทานค่อนข้างต่ำ จึงทำให้เดินสายสัญญาณได้ไกลๆได้ และมีสัญญาณรบกวนต่ำ มาตรฐานของขาต่างๆ คือ ขาที่ 1 ground ขาที่ 2 + และ ขาที่ 3 –
-TRS 6.3 mm. และ 3.5 mm หรือโฟนสเตอริโอ เป็นลักษณะ 3 ข้อ แบบ TRS โดยที่ปลายสุดจะเป็น + ข้อที่ 2 จะเป็น – และข้อที่3 จะเป็น ground สายแบบนี้หลายๆคนจะคุ้นหู หรือเรียกว่าสาย Stereo นั่นเองครับ
สายสัญญาณ Unbalance นิยมใช้ 2 แบบหลักๆ คือ
TS Phone 6.3mm. หรือ โฟนโมโน และ RCA ทั้ง 2 จะเอาสัญญาณ มารวมไว้กับ Ground ดังนั้นสัญญาณรบกวนจากสาย Ground จึงปะปนมากับสัญญาณ จึงทำให้การต่อแบบ Unbalance
มาทำความรู้จักกับแจ็ค 3.5 mm. แต่ละแบบ
มาทำความรู้จักกับแจ็ค 3.5 mm. แต่ละแบบ
#ส่งต่อคุณภาพเสียงส่งต่อความสุข