Proximity effect เรื่องของไมค์ที่ทุกคนต้องรู้
Proximity Effect ไมโครโฟน (ผลกระทบของความใกล้ชิด) เป็นพฤติกรรมของเสียงรูปแบบหนึ่ง เมื่อระยะห่างของไมโครโฟนกับแหล่งกำเนิดเสียงต่างๆกัน ความถี่เสียงที่ตอบสนองจะต่างกัน โดยปกติเมื่อเรานำไมโครโฟนเข้าใกล้ปากเสียงก็จะดังขึ้น
โดยโทนเสียงไม่เปลี่ยน ต่างกันที่ความดังแต่ Proximity Effectจะเกิดย่านความถี่ต่ำมากขึ้น เมื่อเทียบกับการมีระยะห่างที่มากขึ้น เสียงจะมีความถี่ต่ำหรือความหนาของเสียงน้อยลง ซึ่งโดยส่วนมากค่า Proximity Effectเราจะสามารถดูกราฟของไมโครโฟนแต่ละรุ่นได้ที่สเปคของ ไมโครโฟน
Proximity Effectเป็นปรากฏการณ์ที่เกิดกับไมค์ประเภท Pressure Gradient เมื่อแหล่งกำเนิดเสียงอยู่ใกล้ ไมโครโฟน ทำให้ไมค์ตอบสนองต่อความถี่ต่ำมากกว่าปกติ เมื่อเทียบกับระยะห่างที่ห่างออกไป แต่ถ้าใช้ไมค์ที่มีรัศมีการรับเสียงแบบรอบทิศทาง (Omni-directional) ซึ่งไม่สนใจทิศทางของเสียง สนใจแค่การเปลี่ยนแปลงของแรงดันอากาศจะไม่เกิด Proximity Effectเพราะสำหรับ Omni ไม่ว่าเสียงจะมาจากทิศทางไหน ตราบใดที่ยังอยู่ในรัศมีการรับเสียง บาลานซ์ความถี่ที่ตอบสนองก็ไม่ต่างกัน เห็นได้ชัดว่า Proximity Effectสามารถสังเกตได้ชัดเจนที่สุดกับความถี่ต่ำ ต่ำกว่า 200 Hz ดังนั้นมันจึงเป็นปัจจัยสำคัญเมื่อคุณบันทึกเสียง อย่างเช่น บันทึกเสียงกีตาร์ (E-string มีค่าประมาณ 80 Hz) โดยเฉพาะอย่างยิ่งกีตาร์อะคูสติกมักจะเกิดเสียง “boomy” มากเมื่อคุณวาง ไมโครโฟน ไว้ใกล้เกินไป แต่สำหรับเครื่องดนตรีจำพวก เบส หรือกลองชุดโดยเฉพาะกระเดือง การนำไมค์ไปจ่อใกล้กลอง ให้เกิด Proximity Effectสามารถเป็นประโยชน์ในการสร้างซาวด์ที่หนา ใหญ่ลึกขึ้นได้
อ่านบทความที่เกี่ยวข้องได้ที่
- ไมค์ลอยคลื่นดิจิตอล เรื่องใหม่ในวงการเสียง
- ไมค์ลอย จุดสิ้นสุดเเละการปรับตัว
- นอยซ์ในไมโครโฟน เสียงรบกวน อันแสนกวนใจ
ข้อดีและข้อเสียของProximity Effect ใน ไมโครโฟน
Proximity Effectคือสิ่งที่ช่วยให้ดีเจทางวิทยุหรือนักพอดแคสต์ฟังเหมือน น้าเน๊ก , ฌอน บูรณะหิรัญ และนักร้องอีกหลายๆคน ดังนั้น Proximity Effectจึงเป็นเพื่อนและศัตรูในเวลาเดียวกัน เราสามารถใช้มันเพื่อให้เกิดเสียงที่หนาและอ้วน แต่ต้องเช็คให้ดีว่า มีการบาลานซ์ความถี่ที่ดี และ เสียงชัดเจนและโปร่งใส
ตัวอย่างค่า Proximity Effectบน Frequency Response (Shure Beta52a)
Proximity Effectถูกนิยมโดยนักร้องมืออาชีพหลายๆคน โดยใช้เทคนิคการขยับไมค์เข้า-ออก ห่างจากปากให้มีระยะห่าง เพื่อให้เกิด Proximity Effectสร้างโทนเสียงที่แตกต่างออกไป
คลิปวีดีโอตัวอย่าง ” Whitney Houston ” ศิลปินระดับโลก ที่ไม่ใช้เทคนิคการดึงระยะไมโครโฟน เข้า-ออก เพื่อสร้างพฤติกรรมProximity effect