ความรู้เรื่องไมโครโฟน
ความรู้เรื่องไมโครโฟน | รวมบทความ “ความรู้เรื่องไมโครโฟน” จาก AT Prosound เช่น บทความรีวิว , บทความเปรียบเทียบสินค้า
รวมถึงวิธีเลือกไมโครโฟนที่ใช่สำหรับคุณ เป็นต้น ที่เป็นเกร็ดความรู้ไม่มากก็น้อย มาให้ชาว AT ทุกท่านได้อ่านกันครับ
สารบัญ
- ไมค์ลอยเก่ายังใช้ได้ ถ้าจูนคลื่นใหม่ให้ถูกต้อง
- Shure SM58 VS Shure BETA58A
- Pop Filter
- วิธีการทำงานของฟังก์ชั่นกันหอน
- เปรียบเทียบไมค์กระเดื่อง 2 รุ่น
- ไมค์ Wireless Soundvision SU990D
- Shure ไมค์ที่ถูกก๊อปปี้มากที่สุด
- DPA d:vote Core 4099 ทั้งสองต่างกันอย่างไร
- วิธีเลือกไมโครโฟนที่ใช่สำหรับคุณ
- Shure SM58 ดูอย่างไรว่า แท้หรือปลอม
- ไมค์ไดนามิก กับ ไมค์ริบบอน ต่างกันอย่างไร
- ไมค์สายดูดปาก แก้ได้อย่างไร
- ทำไมต้องวางไมค์ RTA รวมกันก่อนจูนระบบเสียง
- ไมค์หอนเกิดจากอะไร มีวิธีแก้อย่างไร ?
ไมค์ลอยเก่ายังใช้ได้ ถ้าจูนคลื่นใหม่ให้ถูกต้อง
ไมค์ลอยเก่า ถ้าสามารถปรับคลื่นให้เป็นตามประกาศจาก กสทช. ฉบับล่าสุดได้ ก็ยังใช้งานต่อได้ ไม่ต้องเอาเครื่องเก่าไปทิ้ง
ใครที่มีเครื่องเก่าในครอบครองไม่ถือว่าผิดกฎหมาย แต่ไม่อนุญาตให้ใช้งานคลื่นเก่าครับ
Shure SM58 VS Shure BETA58A
Shure SM58 VS Shure BETA58A ต่างกันอย่างไร?
👉 รุ่น SM58 ไมโครโฟนอมตะ จากอดีตจนถึงปัจจุบัน
- ไมโครโฟน ชนิด Dynamic
- ตอบสนองความถี่ที่ 50 – 15,000 Hz
- ทิศทางการรับเสียงแบบ Cardioid
เน้นรับเสียงจากด้านหน้า ให้เสียงอุ่นหนา รายละเอียดดี ครองใจผู้ทำงานด้านเสียงมายาวนาน ถึกทนมาก ด้วยวัสดุพิเศษ เเข็งเเรง
เหมาะกับงานพูด ร้องเพลง งานเเสดงสด ถือว่าเป็นไมโครโฟนที่อเนกประสงค์มาก
👉 BETA58A ไมค์ร้องยอดเยี่ยมราคาต่ำกว่าหมื่น
- ไมโครโฟน ชนิด Dynamic
- ทิศทางการรับเสียงแบบ Supercardioid
- ตอบสนองความถี่ที่ 50 to 16,000 Hz
องศาการรับเสียงจากข้างหน้าได้แคบกว่า มีการรับเสียงด้านหลังนิดหน่อย ด้วยว๊อยซ์คอยล์ที่ทำจากแม่เหล็กนีโอไดเมียม ทำให้ไวต่อเสียงที่ถูกส่งเข้ามามากขึ้น
Gain มากกว่า SM58 ปลายเสียงใส ให้รายละเอียดดี ทำซาวด์ง่าย เหมาะกับงานร้อง แสดงสด และงานสตูดิโอ แต่ว๊อยซ์คอยล์ค่อนข้างบอบบาง อย่าทำตกเชียวล่ะ
Pop Filter
Pop filter แผ่นกลมที่ขวางด้านหน้าของไมโครโฟน โดยเฉพาะไมค์คอนเดนเซอร์ที่มีความไวต่อเสียง
ทำหน้าที่ป้องกันการเกิดการกระแทกของเสียง ที่เกิดจากการออกเสียงของผู้พูดหรือนักร้อง โดยเฉพาะเสียง /พ/ /ป/ /ต/ /ท/
Pop Filter ช่วยลดเสียงรบกวนากการออกเสียงของเราได้ดี เสียงใสชัดเจนขึ้น
Pop Filter มี 2 แบบ คือแบบไนลอน และแบบโลหะ
- แบบไนลอน ใช้กันเสียงได้ดีมีประสิทธิภาพ ดูดซับความชื้นได้ดี ทำความสะอาดยากเสี่ยงต่อการขาด หลุดง่าย ราคาถูก
- แบบตาข่ายโลหะ ป้องกันเสียงได้ดี คงทน ใช้งานได้นาน ไม่เก็บความชื้น ทำความสะอาดง่าย
วิธีการทำงานของฟังก์ชั่นกันหอน
วิธีการทำงานของฟังก์ชั่นกันหอน
ถ้าระบบดี คนใช้ไมค์เป็น เครื่องกันหอนไม่จำเป็นเลยครับ แต่..เครื่องกันหอนมักถูกเอามาใช้กับสถานการที่คนใช้ไมค์พูดเบา ไมค์ห่างปาก คนคุมก็ต้องเร่ง
และเมื่อเร่งก็จะหอน เจ้าตัวกันหอนนี้ จะทำให้เราเร่งเสียงได้เพิ่มขึ้นอีกนิดหน่อย ทำงานโดยจะกดความถี่ที่หอนง่ายที่สุดไว้ เพราะการหอนที่เกิดขึ้น
ไม่ได้เกิดทุก ๆ ความถี่ แต่เกิดบางความถี่เท่านั้น หลักการเหมือนเราคัท EQ ลง แต่ค่า Q แคบกว่ามากๆ เพราะลดการสูญเสียเนื้อเสียงต้นฉบับ
แต่ถ้าไม่ซีเรียส เราใช้ EQ คัทเอาก็ได้ครับผม
เปรียบเทียบไมค์กระเดื่อง 2 รุ่น
เปรียบเทียบไมค์กระเดื่อง 2 รุ่น
ถ้าจะถามว่า..แอดมินกล้าเอามาเปรียบเทียบกันได้อย่างไร ไมโครโฟน ราคาต่างกันขนาดนี้ ?
คู่นี้ต้องลองแล้วจะรู้ครับ คาเเร็คเตอร์เสียงและคุณภาพใกล้เคียงกัน แต่อาจต่างกันนิดหน่อยตามราคา
ถ้าอยากได้ไมค์คุณภาพสูงแบบมืออาชีพยกให้ Shure Beta 91A
แต่ถ้าอยากได้ไมค์ราคาถูกเสียงดี ยกให้ Behringer BA 19 A ครับผม
ไมค์ Wireless Soundvision SU990D
ไมโครโฟน Wireless Soundvision SU990D
ไมโครโฟนที่ฟังก์ชั่นเยอะขนาดนี้ อย่างต่ำก็ตัวละ 2 หมื่นขึ้น แต่ Soundvision SU-990D ทำได้เยอะกว่า
- ฟังก์ชั่นไมค์ตกแล้ว Mute อัตโนมัติ
- รองรับความดังสูง ตะโกนไม่แตก
- ใช้ได้ไกลมากกว่า 100 เมตร ไม่มีหลุด
- สแกนคลื่นได้ มี EQ ในตัว แถมเสียงดีมาก
ทั้งหมดนี้ได้ไมค์ถือ 2 ตัว ราคาเพียง 14,900.- คุ้มสุด ๆ ครับผม
กลับสู่สารบัญ
Shure ไมโครโฟน ที่ถูกก๊อปปี้มากที่สุด
“ ไมโครโฟนยอดฮิตที่สุด…และถูกก๊อปปี้มากที่สุด…”
หลายคนที่กำลังมองหาไมโครโฟนดี ๆ ราคาสมเหตุสมผลมาลองใช้งาน ก็คงจะไม่พ้นไมโครโฟนยอดฮิตในตำนาน ยี่ห้อ Shure รุ่น SM58
ที่มีประวัติมายาวนานมากกว่า 50 ปี ด้วยคุณภาพเสียงดี เสียงหนานุ่ม ตัดเสียงรบกวนได้ดี Mix เสียงได้ง่าย
นักร้องดัง ๆ เวทีใหญ่ ๆ ในอดีต และปัจจุบันก็เคยผ่านการใช้งาน ไมค์ Shure มามากมาย
แต่ไมค์ Shure โดยเฉพาะรุ่น SM58 ที่มีการก๊อปปี้แบบ และทำของปลอมออกขายมากที่สุดกว่ารุ่นอื่น ๆ โดยมีหลายเกรดทั้ง A , AA , AAA
และมีการเลียนแบบได้แม้กระทั่งเสียง จนบางท่านอาจจะชอบของเลียนแบบมากกว่าของแท้ไปเลยก็มีครับ
DPA d:vote Core 4099 ทั้งสองต่างกันอย่างไร
DPA d:vote Core 4099 ทั้งสองต่างกันอย่างไร
ถ้าเข้าไปที่หน้าเว็บไซต์ AT Prosound แล้วเสิร์ชหา DPA 4099 จะพบว่ามี ไมค์ DPA 4099 อยู่ 2 สี คือ เหลือง กับแดง แล้วถ้าจะต้องซื้อ จะซื้อสีไหน ?
DPA 4099 ไมค์จ่อเครื่องดนตรี คุณภาพสูง ออกมาทั้งหมด 2 รุ่น สำหรับการใช้งานเครื่องดนตรีต่างประเภทกัน
โดยเริ่มจาก DPA CORE 4099 for Lund SPL DC-1 หรือ สีแดง
เป็นไมค์สำหรับรับเครื่องดนตรีทุกชนิด เหมาะสำหรับดนตรีคลาสสิก เช่น ไวโอลิน , เปียโน , กีต้าร์โปร่ง , แซกโซโฟน , เชลโล่ , คลาริเน็ต , ฟลูต เป็นต้น
รับเสียงพีคได้ถึง 142 dB ซึ่งถือว่ามากพอสำหรับเครื่องดนตรีประเภทคลาสสิก ตามที่ยกตัวอย่างไป
ส่วน DPA CORE 4099 for Extreme SPL DC-2 หรือ สีเหลือง
เป็นไมค์สำหรับรับเสียงเครื่องดนตรีที่ดังมาก ๆ เช่น กลอง , ทรัมเป็ต , ทรอมโบน และเครื่องลมทองเหลืองอื่น ๆ
รับเสียงพีคได้ถึง 152 dB ซึ่งถือว่ามากพอสำหรับเครื่องดนตรีประเภทร็อคแบนด์ ตามที่ยกตัวอย่างไป
และยังเป็นรุ่นที่วงร็อคระดับโลกอย่าง Metallica เลือกใช้ในการจ่อกลองชุด สำหรับทัวร์คอนเสิร์ตด้วยนะครับ
วิธีเลือก ไมโครโฟน ที่ใช่สำหรับคุณ
วิธีเลือก ไมโครโฟนที่ ใช่สำหรับคุณ
เพราะเสียงนักร้องไม่เหมือนกัน ไมค์ร้องตัวใช่ของแต่ละคน “จึงไม่เหมือนกัน”
นั่นคือ เหตุผลที่นักร้องมืออาชีพหลาย ๆ คนจะพกไมค์ส่วนตัวไปด้วย เราคนหนึ่งก็ชอบร้องเพลง และอยากซื้อไมค์สักตัว วิธีเลือกง่าย ๆ คือ
- สำรวจตัวเองว่าเป็นคนร้องเพลงแบบไหน หาคาแรคเตอร์เสียงของเราว่าอยู่ในโทนเสียง สูง กลาง ต่ำ เป็นอย่างไร
- ร้องเพลงแนวไหน เพลงแต่ละแนวจะมีโทนเสียงและความถี่ต่างกันไป การเลือกไมค์ที่จะตอบสนองกับแนวเพลง คือ การดูกราฟจากข้างกล่องไมค์นั้น
- ลักษณะงานที่จะใช้ไมค์ เช่น งานร้องบนเวที จะมีเสียงรอบข้างเยอะ ต้องใช้ไมค์ที่มีมุมรับเสียงแคบ ๆ เพื่อให้ได้เสียงร้องที่สมบูรณ์ที่สุด
- งบประมานที่เราตั้งไว้ อันนี้สำคัญ เพราะเรื่องของราคาจะมีผลต่อคุณภาพของไมค์
- ลองแล้ว ”ใช่” ถูกใจก็ซื้อเลย ทุกอย่างหากลงตัวที่คำว่า “ ใช่ “ ก็จบที่ตัวนั้นได้เลย
เลือกซื้อไมโครโฟน ไม่ใช่เรื่องยากหากเราเข้าใจ และพึงพอใจกับการตัดสินใจของตัวเราเองครับ
กลับสู่สารบัญ
Shure SM58 ดูอย่างไรว่า แท้หรือปลอม
ไมค์ที่ถูกก๊อปปี้มากที่สุด สังเกตจากอย่างไร ไปดูกันครับ
ส่วนที่ 1 ดูที่หัวไมค์
– สีของลวด ไมค์แท้จะเป็นสีเทา ด้านๆ ไม่แวววาวมากแบบโครเมี่ยม ของก๊อปสีก็จะคล้ายๆ กัน แต่อาจแวววาวกว่านิดหน่อย ตรงฐานของหัวไมค์ ไมค์แท้จะเป็นร่องโค้ง ไมค์ก๊อปจะเป็นแบบตรงๆ (คล้ายฐานของไมค์ Shure รุ่น PGA)
– ว๊อยหัวไมค์แท้จะสามารถขยับไว้เพราะมีลูกยางซับแรงสั่นสะเทือน ของก๊อปไม่มี
ส่วนที่ 2 ดูที่ตัวไมค์
– สีของตัวไมค์แท้ดูด้วยสายตาจะไม่ดำ ส่วนของก๊อปสีของไมค์เหมือนกัน แต่ว่าผิวจะ เรียบ เนียน
– เหนือสวิทซ์ขึ้นไปเป็นร่องตัดขวางในของแท้จะเป็นร่องลึกไม่สนิทกันมาก ส่วนของก๊อปแนบสนิทกันเหมือนจะถอดไม่ได้
– ตรงสวิทซ์ของแท้จะมีสกรู ของก๊อปจะไม่มี ตรงสวิทซ์เลื่อนรอยขีดๆ ของแท้จะมีขีดเยอะกว่า
– รอยชีดของส่วนสวิทซ์ทั้งหมดกับตัวไมค์ ของแท้จะมีรอยแยกกันเยอะกว่าของก๊อป
การดูไมค์ Shure SM58 อันนี้ก็เป็นเพียงการดูส่วนหนึ่งจากภายนอก ในปัจจุบันก็มีการทำเลียนแบบมา เรียกได้ว่าเหมือนมากเพราะ Shure ก็มาผลิตในประเทศจีน ทำให้วัสดุที่ใช้แทบไม่ต่างจากของก๊อปเลย ถ้าอยากได้ของแท้แนะนำให้ซื้อจากตัวแทนจำหน่ายที่มีใบรับรองครับ
กลับสู่สารบัญ
ไมค์ไดนามิก กับ ไมค์ริบบอน ต่างกันอย่างไร
ไมค์ไดนามิก กับ ไมค์ริบบอน ต่างกันอย่างไร
ไมค์บันทึกเสียงหลักๆ อยู่ 2 แบบ คือ ไมค์ไดนามิก กับไมค์ริบบอน ไมค์ทั้ง 2 ชนิดนี้ต่างกันอย่างไรบ้าง
-ไมค์ไดนามิก ใช้ขดลวด ไมค์ริบบอน ใช้แผ่นอะลูมิเนียมบางๆ
-ไมค์ไดนามิก ทนทาน ไมค์ริบบอน บอบบางมาก
-ไมค์ไดนามิก ได้กระแสเยอะกว่า ไมค์ริบบอน ได้กระแสน้อย
-ไมค์ไดนามิก จะสามารถอัดเสียงดังๆ ได้ดีกว่า แต่ไมค์ริบบอน ก็อัดเสียงเบาๆ ได้ดีกว่าไมค์ไดนามิก
-ทิศทางการรับเสียงของ ไมค์ริบบอน จะเป็นรับเสียงด้านข้างได้เท่านั้น ส่วนไมค์ไดนามิก มีทั้งแบบรับเสียงด้านหน้าและ รับเสียงด้านข้าง
ไมค์ริบบอน จะมี 2 แบบคือ แบบที่ต้องใช้ไฟเลี้ยง และแบบไม่ต้องใช้ไฟเลี้ยง ไม่ว่าจะเป็นไมค์ในแบบไหนก็จะมีคาแรคเตอร์ของไมค์แตกต่างกันไป อยู่ที่ความเหมาะสมของงานและความชอบของผู้ใช้งานนั่นเองครับ
กลับสู่สารบัญ
ไมค์สายดูดปาก แก้ได้อย่างไร
ไมค์สายดูดปาก แก้ได้อย่างไร
“ใช้ไมค์สายทีไร ทำไมไมค์ถึงชอบดูดปาก”
สำหรับสายร้องคาราโอเกะ เจอกันทุกคนแน่นอนใช่ไหมครับเรื่อง “ไมค์ดูดปาก” แก้ไขได้ไม่ยากครับ
– ไมค์ร้องเพลงดูดปากจะเกิดขึ้นในขณะเราใช้ไมค์สาย เหตุที่เกิดเพราะระบบเสียงของเราไม่ได้ลงกราวด์ ทำให้มีกระแสไฟฟ้าไหลในระบบรวมถึงไมค์ของเราด้วย เวลาเราจับไมค์กระแสไฟฟ้าก็จะไหลผ่านตัวเราเพื่อหาทางลงดิน จึงทำให้เรารู้สึกสัมผัสได้ถึงอาการไฟดูดหรือ ไมค์ดูดปากนั่นเองครับ
– วิธีแก้ง่ายๆแค่หาสายไฟเปล่ามาหนึ่งเส้น พันติดกับหัวน๊อตของระบบเสียง จะเป็นมิกเซอร์ หรือเพาเวอร์แอมป์ก็ได้ ปลายสายไฟอีกด้านให้พันติดกับตะปูหรือแท่งเหล็กแล้วตอกลงดินให้ลึกๆ หรือตอกลงที่ชื้นๆ จะดีมาก หรือจะใช้วิธีกลับปลั๊กของระบบเสียงก็จะช่วยได้ระดับนึง แต่ถ้าไฟบ้านมีกราวด์แนะนำให้ใช้ปลั๊กที่มี 3 ขา เพื่อให้กราวด์ไปลงในระบบของไฟบ้านก็จะปลอดภัยและหมดปัญหาอาการไฟดูด หรือไมค์ดูดปากได้แล้วครับ
กลับสู่สารบัญ
ทำไมต้องวางไมค์ RTA รวมกันก่อนจูนระบบเสียง
ทำไมต้องวางไมค์ RTA รวมกันก่อนจูนระบบเสียง
ไมค์หอนเกิดจากอะไร มีวิธีแก้อย่างไร ?
ไมค์หอนเกิดจากอะไร มีวิธีแก้อย่างไร ?
#ส่งต่อคุณภาพเสียงส่งต่อความสุข