เคล็ดไม่ลับ สูตร EQ กีตาร์โปร่ง ให้เสียงดีแบบมืออาชีพ

Low-end Cut

อย่างแรกเลยคือ ความถี่ที่ต่ำกว่า 80 Hz. เป็นย่านความถี่ของ Kick และ Bass เพื่อไม่ให้ความถี่ไปทับกัน ซึ่งจะเป็นต้นเหตุของความถี่ย่านต่ำกว่า 80 Hz. เสริมกันจนล้นมากเกินไป เราควรคัททิ้ง แต่ก็ควรจะฟังด้วยว่าเสียง กีตาร์ ที่บันทึกเสียงมานั้นมีความถี่ที่ต่ำกว่า 80 Hz. ไหม ถ้าไม่มีก็ไม่จำเป็นต้องคัท

Fullness

ถ้ากีตาร์ของคุณนั้นมีเสียงที่เล็กบางเกินไป ให้บูสท์ EQ ความถี่ช่วง 50 Hz. – 80 Hz. สักเล็กน้อยเพื่อให้ กีตาร์ ของคุณมีเนื้อเสียงที่เต็มมากขึ้น แต่ก็ควรฟัง และพิจารณาว่า กีตาร์ที่คุณบันทึกเสียงมาขาดความถี่ใดกันแน่

Boominess

EQ ความถี่ช่วง 100 Hz. – 250 Hz. ของ กีตาร์ ถ้ามีมากเกินไป ก็อาจจะทำให้เกิดอาการเสียงหึ่ง เท่านั้นยังไม่พอความถี่ยังไปทับกับเบสกับสแนร์อีก ควรจะคัทออกพอประมาณเพื่อไม่ให้เกิดอาการข้างต้นขึ้น แต่ว่าก็ควรฟังว่า คัทเกินไป หรือน้อยไปหรือไม่

อ่านบทความที่เกี่ยวข้องได้ที่

• 5 แอปฝึกหู 2020 ใครๆก็หูเทพได้
• มิกซ์เสียงอย่างโปร เทคนิคเลือก”หูฟัง”สำหรับมือใหม่
• เทคนิคมิกซ์เสียง Kick ให้ใหญ่และยาว

Body

กีตาร์ก็มีความถี่ Body หรือความถี่ตัวกีตาร์ ซึ่งเป็นความถี่ย่านกลางต่ำที่ช่วง 200 Hz. – 300 Hz. ซึ่งจะทำให้ กีตาร์ ฟังมีความเป็นอคูสติก มีน้ำหนัก และอิ่มมากขึ้น

Presence

หลังจากที่เราจัดการความถี่ที่ย่านเสียงต่ำ และกลางต่ำไปแล้ว ต่อมาก็มาดูที่ความถี่ย่านเสียงสูงแล้ว ให้ดูว่า กีตาร์ ของคุณเสียงทึบไปไหม จากนั้นก็จัดการกับความถี่ ที่ 3 kHz. – 8 kHz. ด้วยการ EQ บูสท์ขึ้นให้เหมาะสม

Air

เพิ่มความถี่ประมาณ 10 kHz. เพื่อเพิ่มเสียงอากาศ และเสียงที่มีความเป็นธรรมชาติของกีตาร์เข้าไป