dB scale เรื่องยากที่เข้าใจได้ง่าย ๆ
AT ออนไลน์ไกด์, ดนตรี, ทฤษฎีเสียง, อื่นๆ
dB scale
dB scale กลายเป็นเรื่องที่หลายคนมองว่าไม่มีส่วนสำคัญในระบบเสียงแต่ก็ยังมีอีกหลายคนที่มองเห็นความสำคัญของ ระบบ แต่อาจจะยังไม่เข้าใจ และยังไม่สามารถใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และในหลาย ๆ ครั้ง การใช้งานอุปกรณ์เสียง หรือระบบเครื่องเช่า จำเป็นต่อใช้งานร่วมกับวงของศิลปินหลาย ๆ ท่าน เกิดข้อคำถามขึ้นมาว่าอุปกรณ์ ที่ใช้งานร่วมกัน แต่สัญญาณเสียงกลับมีความดังที่แปลกไป ซึ่งแน่นอนว่า ส่วนหนึ่งเป็นที่ระบบโดยรวม หรือการจัดการเรื่องสัญญาณที่ยังไม่ลงตัวนั่นเอง ถ้าพร้อมแล้ว ไปลองศึกษากันได้เลยครับ
dB Scale คืออะไร
จริง ๆ แล้วมีข้อมูลที่มาที่ไปและเนื้อหาที่ค่อนข้างยาว และยากต่อการทำความเข้าใจระดับหนึ่ง ซึ่งตรงนี้ทาง ATprosound ขอเล่าถึงเรื่องของ การตั้งค่าสเกล dB ในส่วนที่ง่ายต่อการทำความเข้าใจ และสามารถนำไปใช้งานได้จริงครับ
ก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจกันก่อนครับ ว่าสัญญาณเสียงที่ผ่านไมโครโฟน มาถึงการแปลงสัญญาณและการรวมสัญญาณทั้งหลายที่เราใช้งานกันนั้น มันก็คือการจัดการกับระบบไฟฟ้า เนื่องจากสัญญาณที่กล่าวมาคือสัญญาณไฟฟ้า
ไมโครโฟนทุกตัวกำเนิดไฟฟ้าเมื่อมีเสียงมากระทบที่ไมโครโฟน แต่เป็นสัญญาณที่ต่ำมาก ๆ ในระดับ 0.00XX โวลต์ ซึ่งจะเห็นว่าสัญญาณที่ต่ำมาก ๆ นั้น ไม่สามารถนำมาใช้งานโดยตรงได้ จึงต้องมีการขยายสัญญาณเสียง และการขยายสัญญาณดังกล่าวก็คือการขยายไฟฟ้านั่นเอง
แล้วขยายเท่าไหร่ดีถึงจะเหมาะสม…… คำถามนี้จึงกลายเป็นคำถามยอดฮิตในการทำระบบหรือที่หลายท่านคุ้นหูกันเรื่องของ system gain structure ซึ่งเราจะกล่าวกันในบทความถัดไป
จากรูปตัวอย่างเป็นตัวอย่างของคู่มือของ Mixer Allen & Heath SQ5 จะระบุไว้ชัดเจนว่า Internal operating Level คือ 0dBu และมีการเปรียบเทียบค่าสเกลของ dBFS ให้ผู้อ่านได้สามารถเทียบกันได้อีกด้วย
dB scale ที่หลายคนคุ้นหูคุ้นตา ก็คงไม่พ้น dBu dBV dBVU และ dBfs และเมื่อเกิดสเกลมาหลายสเกล จึงเกิดคำถามขึ้นมาเพิ่ม ว่าใช้สเกลไหนดี และคำตอบก็คือใช้สเกลตามอุปกรณ์ของเราครับ เนื่องจากว่าปัจจุบัน อุปกรณ์ระบบเสียงมีการตั้งรูปแบบของสเกลที่ไม่เหมือนกัน เช่น Mixer บางตัวจะเป็นสเกล dBu บางตัวเป็น dBfs หรือบางตัวอาจจะเป็น dBvu ซึ่งสิ่งที่จำเป็นต้องรู้ เพื่อที่จะทำ gain Balance ก็คือ การเทียบสเกลและแรงดันทางไฟฟ้า ในบทความนี้ เราจะขอยกตัวอย่างเพียงบางตัวอย่างเท่านั้น เพื่อการทำความเข้าใจที่ง่าย
โดยทั่วไปที่ VU meter ของ mixer จะมีสเกลอ้างอิงที่แตกต่างกันไปของแต่ละรุ่น เช่น รุ่น A เป็นสเกล dBu และสเกล dBu มีจุดอ้างอิงที่ 0 dBu (0.775 V ) mixer รุ่น B เป็นสเกล dBfs ซึ่งสเกล dBfs อาจจะอ้างอิงอยู่ที่ประมาณ -18 dBfs ( 1.228 V ) จะเห็นว่าทั้ง 2 รุ่นมีการอ้างอิงแรงดันขาออกไม่เท่ากัน ตรงนี้นี่เองทำให้เราต้องทำการบาลานซ์ Gain ในระบบ และและสามารถศึกษาระบบการบาลานซ์ระบบของอุปกรณ์ของท่านได้จากคู่มือของอุปกรณ์นั้น ๆ และจะเห็นว่า dB scale ที่ต่างกันนี่เองทำให้หลายท่านสับสน ฉะนั้นขอแนะนำให้ท่านอ้างอิง สเกล จาก mixer ของท่านเอง ซึ่งเนื้อหาการทำ Gain Balance จะกล่าวถึงในบทความต่อไป
สรุป
โดยทั่วไป การใช้งานของระบบเสียงที่เหมาะสม และทำให้อุปกรณ์เสียงทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพนั้น ขึ้นอยู่กับการจัดการระบบโดยรวมเป็นสำคัญ และในยุคปัจจุบันที่อุปกรณ์ระบบเสียง แทบจะเป็นระบบดิจิตอลทั้งหมด ทำให้ฟังก์ชันการใช้งานต่าง ๆ เข้ามาอำนวยความสะดวกให้เราอย่างมาก จึงกลายเป็นว่า เราสามารถจัดการกับสัญญาณของเราร่วมกับระบบประมวลผลที่เป็นดิจิตอลได้เลย
จากที่กล่าวมา การทำความเข้าใจเรื่องระบบ นั้นไม่ได้ยากมากนัก เพียงแต่หากท่านยึดสเกลใดในระบบ อุปกรณ์อื่น ๆ จำเป็นต้องทำการบาลานซ์ให้เหมาะสมกับการใช้งานด้วย เพราะหากท่านตั้งค่าอุปกรณ์ได้ไม่ดีพอ นอกจากเสียงที่ออกมาจะยังไม่เต็มประสิทธิภาพแล้ว กลับกัน การตั้งค่าดังกล่าว อาจจะทำให้อุปกรณ์ของท่านเสียหายได้
อ่านบทความเพิ่มเติมที่เกี่ยวข้องได้ที่
- การ Fix Gain เรื่องสำคัญไม่ใช่แค่ “ความดัง”
- เรื่องของ ความดังเสียง ในงานกลางแจ้ง
- อยากได้ลำโพงดัง ๆ ต้องดูอย่างไร
- Signal Flow เบื้องต้นในสตูดิโอ
- หยุดทุกความสงสัย ถูกเฟส หรือ ถูกใจ (Tune and Tone)
- การวัดการตอบสนองความถี่ของลำโพง (Frequency response)
- 7แอพ ฟรีเเละดี สำหรับช่างเสียง(ios)
- เทคนิค จูนระบบเสียง ด้วยงบ 0บาท
- หูกับการได้ยิน
- หูไม่ดี ที่อยากให้ดู (Human Auditory)
- 5 วิธีการหลีกเลี่ยงอาการ “หูล้า”
อ่านบทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจของ ATprosound ได้ที่ : Click
สั่งซื้อสินค้าและดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ : Click
เยี่ยมชมเราได้ที่ Facebook Fanpage : Click
เยี่ยมชมเราได้ที่ Youtube Channel : Click
อ่านบทความที่น่าสนใจจาก ScienceDirect ได้ที่ : Click