สายสัญญาณเสียง Balance และ Unbalance ในสตูดิโอ
ดนตรี, ทฤษฎีเสียง, วิธีการใช้งาน, ไลฟ์สตรีมมิ่ง
หลาย ๆ คนคงสงสัยว่า สายสัญญาณเสียง Balance คืออะไร Unbalance คืออะไร ทั้งสองแบบนี้มีความแตกต่างกันอย่างไร และใช้งานต่างกันอย่างไรวันนี้เราจะพาทุกคนมาทำความเข้าใจกันครับ
1.สายสัญญาณเสียง แบบ Balance
สายสัญญาณแบบ Balance ข้างในประกอบไปด้วย สาย 3 เส้น ได้แก่ Ground(Shield) สัญญาณบวก (Hot) และ สัญญาณลบ(Cold)
- Ground เป็นสาย Shield ที่พันล้อมรอบสายสัญญาณ เพื่อป้องกันสัญญาณรบกวน
- สายสัญญาณ บวก เป็นสายสัญญาณที่ใช้ส่งสัญญาณจากอุปกรณ์
- สายสัญญาณ ลบ เป็นสายสัญญาณที่ใช้ส่ง ” สัญญาณเดียวกันกับสายสัญญาณ บวก ” แต่!!! กลับเฟส (180 องศา)
ซึ่งการทำงานของสาย Balance คือ เมื่อป้อนสัญญาณผ่านสายสัญญาณ Balance จะทำให้ Noise หรือเสียงรบกวนจากภายนอกกลับเฟสกัน แล้วหักล้างกัน จนเหลือแต่สัญญาณที่ป้อนไป ซึ่งเมื่อไปถึงปลายทาง อุปกรณ์ที่รับก็จะมีการออกแบบภายในให้กลับเฟสคืนเพื่อไม่ให้สัญญาณที่ป้อนไปหักล้างกัน และผลที่ได้คือสัญญาณที่ป้อนไปหลังกลับเฟสคืนนั้น จะเสริมกันเป็น 2 เท่า อธิบายด้วยสมการไฟฟ้า ดังนี้
Output = (สัญญาณบวก+Noise)-(-สัญญาณลบ+Noise)
= [สัญญาณบวก-(-สัญญาณลบ)]+[Noise-Noise]
= ผลรวมของสัญญาณบวกและลบ (2 เท่าของสัญญาณที่ป้อนไป)
ประเภทของสาย Balance มี 2 แบบที่เห็นบ่อย ๆ
XLR
มีทั้งตัวผู้และตัวเมีย บางท่านเรียกปลั๊กแจ๊คแบบนี้ว่า แคนนอล (EXTRA LOW RESISTANCE) คือ สัญญาณที่มีความต้านทานค่อนข้างต่ำมาก จึงเป็นผลทำให้สามารถเดินสายสัญญาณได้ไกลๆ และมีสัญญาณรบกวนต่ำ โดยขาต่างๆ
ปัจจุบันที่เชื่อมต่อกันเป็นมาตรฐานสากล
TRS
(แจ็ค 6.3 mm. หรือ TIP RING SHEEVE) ซึ่งหมายถึง จุด ต่อสามจุดของแจ็คแบบ TRS โดย TIP จะเปรียบเสมือน ขาที่ 2 ของแจ็ค XLR, RING จะเหมือน ขาที่ 3 ของแจ็ค XLR และ SHEEVE จะเหมือนกับ ขาที่ 1 ของแจ็ค XLR
ประเภทการใช้งาน
- XLR ใช้กับไมโครโฟน, อุปกรณ์ที่ Output เป็น Balance, ลำโพงสตูดิโอมอนิเตอร์
- TRS ใช้กับ Output ของ Audio Interface, อุปกรณ์ที่ Output เป็น Balance, ลำโพงสตูดิโอมอนิเตอร์
ข้อดี
- สามารถเดินสายสัญญาณได้ไกลโดยไม่มีสัญญาณรบกวน
ข้อเสีย
- ต้นทุนการผลิตแพงกว่า Unbalance
บทความที่เกี่ยวข้อง
2.สายสัญญาณแบบ Unbalance
สายสัญญาณแบบ Unbalance ข้างในประกอบไปด้วย สาย 2 เส้น ได้แก่ Ground(Shield) และสัญญาณบวก (Hot)
- Ground เป็นสาย Shield ที่พันล้อมรอบสายสัญญาณ เพื่อป้องกันสัญญาณรบกวน
- สายสัญญาณ บวก เป็นสายสัญญาณที่ใช้ส่งสัญญาณจากอุปกรณ์
หลักการทำงานก็ไม่ได้ซับซ้อนแบบ Balance คือสายสัญญาณ บวก เป็นสายสัญญาณที่ใช้ส่งสัญญาณจากอุปกรณ์ Ground เป็นสาย Shield ที่พันล้อมรอบสายสัญญาณ เพื่อป้องกันสัญญาณรบกวน
ประเภทของสาย Balance มี 2 แบบที่เห็นบ่อย ๆ
- TS (แจ็ค 6.3 mm.)
- RCA
ประเภทการใช้งาน
- TS (แจ็ค 6.3 mm.) ใช้กับเครื่องดนตรีทั่วไป เช่นกีตาร์, เบส ฯลฯ
- RCA ใช้กับ Input ของลำโพงในบ้าน หรือ TV ทั่วไป
ข้อดี
- ต้นทุนการผลิตน้อยกว่า Balance
ข้อเสีย
- เดินสายไกลไม่ได้ เนื่องจาก จะมีสัญญาณรบกวนเข้าไปในสาย
สรุป
จะเห็นว่า สายสัญญาณแต่ละชนิดที่ใช้ในงานสตูดิโอ มี ขั้นตอนการผลิต รวมไปถึงวัตถุประสงค์ในการใช้งาน ที่แตกต่างกัน เมื่อเรารู้ข้อแตกต่างและวิธีใช้งานแล้ว เราก็จะสามารถใช้งานสายสัญญาณแต่ละชนิดได้ถูกวัตถุประสงค์ของสาย
ติดตามช่องทางต่างๆของ AT PROSOUND