มาทำความรู้จักย่านความถี่แต่ละย่านกัน
ทฤษฎีเสียง
ย่านความถี่เสียงที่มนุษย์เราสามารถได้ยินและรู้สึก คือช่วงความถี่ตั้งแต่เสียงต่ำ 20 Hz จนถึง เสียงสูง 20,000 Hz
ซึ่งในช่วงความถี่ที่ว่านี้ เหล่าช่างเสียงหรือคนที่อยู่ในวงการเสียง ได้แบ่งช่วงความถี่ย่อยออกได้หลักๆ 7 ช่วงความถี่ เพื่อให้สามารถทำงานและสื่อสารกับผู้ร่วมงานได้ง่ายขึ้น เพราะย่านความถี่ทั้ง 7 ที่แบ่งออกมานั้นมีคาแรคเตอร์เป็นของตัวเอง ทำให้เราจดจำเสียงในแต่ละย่านได้ง่าย เวลาเสียงมีปัญหาก็จะทำให้เราแก้ไขได้เร็วกว่าที่จะต้องไปกวาดหาปัญหาจากย่านความถี่ทั้งหมด
*ในตำราอื่นๆอาจจะมีการแบ่งย่านความถี่และชื่อเรียกที่แตกต่างออกไปจากนี้ แต่ใจความสำคัญของแต่ละย่านนั้นไม่แตกต่างกันครับผม
ย่านความถี่เสียงทั้ง 7 ประกอบด้วย
– ย่าน ซับ
– ย่าน เบส
– ย่าน มิดโลว
– ย่าน กลาง
– ย่าน กลางแหลม
– ย่าน แหลม
– ย่าน แอร์
1. ย่าน ซับ
ครอบคลุมความถี่เสียง 20 ถึง 60 Hz
ชื่อเรียกอื่นๆ : ย่านโลวเอนด์ ย่านซับเบส ย่านดีฟเบส
ย่าน ซับ เป็นช่วงความถี่ที่ต่ำที่สุดที่มนุษย์จะรับรู้ได้
เสียงในย่านนี้จะให้เสียงที่เรารู้สึกได้มากกว่าได้ยิน เช่น เสียงกระแทกอกจากกระเดื่อง ความรู้สึกพื้นสั่นจากเสียงเบส เป็นต้น
เครื่องดนตรีที่อยู่ในย่านนี้ประกอบด้วย: กระเดื่องซับ กระเดื่องอิเล็กโทรนิกส์ ซับเบสอิเล็กโทรนิกซ์ เป็นต้น
ตัวอย่างเสียง Sine wave ที่ความถี่ 50 Hz
2. ย่านเบส
ครอบคลุมความถี่เสียง 60 ถึง 250 Hz
ชื่อเรียกอื่นๆ : ย่านโลว ย่านต่ำ
ย่านเบส เป็น ย่านที่สร้างความหนาให้กับเสียง เสียงโน็ตที่เป็นโน๊ตหลักของจังหวะหรือริทึมของเพลงมักจะอยู่ในย่านเสียงนี้
เครื่องดนตรีที่อยู่ในย่านนี้ประกอบด้วย: เสียงกระเดื่อง เสียงเบส เสียงเปียโนที่เล่นโน็ตต่ำๆ เป็นต้น
ตัวอย่างเสียง Sine wave ที่ความถี่ 100 Hz
3. ย่าน มิดโลว
ครอบคลุมความถี่เสียง 250 ถึง 500 Hz
ชื่อเรียกอื่นๆ : ย่านกลางต่ำ ย่านมิดเบส
ย่าน มิด โลว เป็นย่านเสียงที่ มีในเครื่องดนตรีเกือบทุกชนิด จึงเป็นย่านที่เหล่าช่างเสียงจะต้องจัดการให้ดี เพราะถ้าหากมีมากเกินไปอาจจะทำให้เสียงฟังดูขุ่นมัวไม่ชัด
ถ้าเราบูสแถวๆความถี่ 250-300 Hz กับเครื่องดนตรีประเภทเบส อาจจะช่วยให้เสียงเครื่องนั้นๆชัดขึ้นได้
แต่ในทางกลับกันถ้าเราบูสเสียงในย่าน 500 Hz กับเครื่องดนตรีที่ไม่ใช่ย่านเบส อาจจะทำให้เสียงฟังดูขุ่นมัวไม่คมชัด อารมณ์เหมือนเสียงในกล่องกระดาษ ได้เช่นกัน
ตัวอย่างเสียง Sine wave ที่ความถี่ 300 Hz
4. ย่าน กลาง
ครอบคลุมความถี่เสียง 500 ถึง 2 kHz
ชื่อเรียกอื่นๆ : ย่านมิด ย่านมิดเรนจ์
เป็นย่านความถี่ที่มีในเสียงเครื่องดนตรีเกือบทุกชนิด ถ้ามีการบูสย่านความถี่่นี้มากเกินไปอาจจะทำให้เสียงเครื่องดนตรีฟังดูแข็งกระด้างได้ ่และจะต้องระมัดระวังเป็นพิเศษกับเสียงร้องเพราะถ้าเกิดมีย่านความถี่ในช่วงนี้มากเกินไปก็อาจจะทำให้เสียงร้องฟังดูขึ้นจมูก ในทางกลับกับถ้าเกิดมีย่านความถี่ในช่วงนี้น้อยเกินไปก็อาจจะทำให้เสียงฟังดูเล็กเหมือนไม่มีเนื้อเสียงได้
ตัวอย่างเสียง Sine wave ที่ความถี่ 1 kHz
5. ย่าน กลาง-แหลม
ครอบคลุมความถี่เสียง 2 ถึง 4 kHz
ชื่อเรียกอื่นๆ : ย่านมิด-ไฮ ย่านกลาง-สูง
การบูสหรือคัทเสียงในย่านนี้เพียงเล็กน้อยก็ส่งผลให้เสียงเปลี่ยนไปได้มาก เพราะย่าน กลาง-แหลม เป็นย่านความย่านความถี่ที่ตอบสนองกับการได้ยินของมนุษย์มากที่สุด
การบูสเสียงในย่านนี้สามารถเพิ่มเสียง Attack ให้กับเครื่องดนตรีประเภทกลองได้ และเพิ่มความคมชัดให้กับเครื่องดนตรีอื่นๆและเสียงร้องได้ดี แต่หากบูสมากเกินไปก็อาจจะทำให้เกิดเสียงแข็งกระด้างบาดหูได้
ตัวอย่างเสียง Sine wave ที่ความถี่ 3 kHz
6. ย่าน แหลม
ครอบคลุมความถี่เสียง 4 ถึง 6 kHz
ชื่อเรียกอื่นๆ : ย่านไฮ ย่านพรีเซนส์ ย่านแหลม
ย่านเสียงไฮ เป็นย่านที่สร้างความเคลียร์ และ บอกตำแหน่งที่ชัดเจนให้กับเสียงเครื่องดนตรีต่างๆในเพลง ปุ่ม trable ในเครื่อเสียงบ้านส่วนใหญ่ก็จะถูกตั้งให้เป็นการปรับย่านความถี่นี้
ถ้าบูสย่านความถี่นี้มากเกินไป จะทำให้เกิดเสียงแหลมที่บาดหู ระคายหูได้ ในทางกลับกันถ้ามีเสียงในย่านความถี่นี้น้อยเกินไปจะทำให้เสียงนั้นฟังดูว่าอยู่ไกลไม่ชัดเจน
ตัวอย่างเสียง Sine wave ที่ความถี่ 5 kHz
7. ย่าน แอร์
ครอบคลุมความถี่เสียง 6 ถึง 20 kHz
ชื่อเรียกอื่นๆ : ย่านไฮเอนด์
เสียงย่านแอร์ เป็นย่านเสียงที่สร้างความโปร่งให้กับเสียงร้องและเสียงเครื่องดนตรี การบูสที่ 12 kHz อาจจะสร้างความ Hi-Fi หรือเรียกไทยๆก็ความซิบให้กับเสียงได้
การบูสเสียงย่านแอร์มากเกินไปอาจจะทำให้เสียง Hiss หรือเสียง น้อยซ์ ขึ้นมาได้
ตัวอย่างเสียง Sine wave ที่ความถี่ 10 kHz
อ่านบทความเพิ่มเติมที่เกี่ยวข้องได้ที่
- การแบ่ง “ชนิดของคลื่น”
- แนวคิดพื้นฐานเดซิเบลและการใช้งานในระบบเสียง
- HPF (High Pass Filter) และ LPF (Low Pass Filter)