ติดตั้งระบบเสียง ประกาศ Background music

ติดตั้งระบบเสียง ประกาศ Background music ยินดีต้อนรับสู่คู่มือ แนะนำระบบเสียง PA ออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุด AT Prosound พร้อมมอบความรู้แก่ทุกท่านที่สนใจ

 

 

เริ่มต้นด้วย ระบบ PA คือ ประเภทของระบบ ที่สามารถ ขยาย และส่งสัญญาณเสียง ไปสู่ผู้ฟังได้

ในการ ติดตั้งระบบเสียง ประกาศ Background music ไม่ว่าจะเป็น ร้านอาหาร, สถานบันเทิง, สนามกีฬา, ห้องประชุม, ห้างสรรพสินค้า, โรงแรม, ศาสนสถาน เป็นต้น ไม่ว่าจะเป็นการ ติดตั้งระบบเสียง แบบไหน สถานที่ใด ล้วนแล้วต่างมีจุดประสงค์แบบเดียวกัน คือ

1. ได้สัญญาณเสียงที่ดีตั้งแต่ไมโครโฟน หรือแหล่งกำเนิดเสียงอื่น ไปจนถึงลำโพง
2. รองรับจำนวน อินพุต ที่เพียงพอต่อความต้องการ
3. กระจายเสียงไปยังพื้นที่ ที่ต้องการ ได้อย่างทั่วถึง
4. ระบบเสียงมีความปลอดภัยในการใช้งาน

 

สารบัญ

• หลักการและการจัดวาง ระบบเสียงโวลต์ ไลน์ ( Volt Line ) ทั่วไป
• เปรียบเทียบระบบเสียงโวลต์ ไลน์ ( Volt Line ) กับ ระบบโอห์ม Low-Ohm
• ระบบเสียงโวลต์ ไลน์ ( Volt Line ) เหมาะกับคุณหรือไม่?
• ข้อควรรู้ในการต่อ ระบบเสียงโวลต์ ไลน์ ( Volt Line )
• เพาเวอร์แอมป์
• ลำโพง
• ตัวควบคุมระดับเสียงและเครื่องผสม
• ไมโครโฟนและสายเคเบิล
• ตัวอย่างการใช้งาน
• สรุป

 

 

 

หลักการและการจัดวาง ระบบเสียงโวลต์ ไลน์ ( Volt Line ) ทั่วไป

อันดับแรก ในการ ติดตั้งระบบเสียง ประกาศ Background music ระบบเสียงที่ต้องเดินสายระยะทางมากๆ ที่ใช้ลำโพง ระบบเสียงโวลต์ ไลน์ ( Volt Line ) การใช้เสียง หรือ การเล่นเพลง มักจะนิยมทำในระบบโมโน (Mono) เนื่องจากระยะห่างระหว่างลำโพง จึงทำให้ไม่สามารถเล่นเสียงในระบบสเตอริโอ ที่ต้องการความสมดุลของเสียงได้อย่างเหมาะสม นอกจากนี้ ผู้ฟังมักจะเคลื่อนที่ไปมาระหว่างลำโพง ซึ่งหมายความว่า การพยายามที่จะเล่นเสียงระบบสเตอริโอนั้น ส่วนใหญ่แล้ว จะไม่เกิดประโยชน์

 

(ขอบคุณรูปจาก https://www.thomann.de/intl/th/index.html)

 

โดยการส่งสัญญาณเสียงไปในระยะทางไกลๆ จะใช้หลักการ เพิ่มแรงดัน (Step Up) ให้แรงดันไฟฟ้าสูงขึ้นมากๆ เพื่อให้ส่งสัญญาณได้ไกลขึ้น ซึ่งเป็นหลักการเดียวกับ การส่งไฟฟ้าจากสถานีผลิตไฟฟ้า ส่งมายังบ้านเรือน คือ เพิ่มแรงดันไฟฟ้าเป็นระดับแสนโวลต์ แล้วมาทำการ ลดแรงดันไฟฟ้าก่อนเข้าบ้าน ให้เหลือเพียงหลักร้อยโวลต์

 

(ขอบคุณรูปจาก https://www.thomann.de/intl/th/index.html)

 

โดยอุปกรณ์ที่ใช้ ทั้ง เพาเวอร์แอมป์ และ ลำโพง ต่างต้องมี Transformer เพื่อปรับเปลี่ยนแรงดันทางไฟฟ้านั่นเอง

 

 

ซึ่งถ้าพูดตามทฤษฎีทางไฟฟ้าแล้ว หรือ กฎของโอห์ม (V = I*R) เมื่อแรงดันสูงขึ้น กระแสไฟฟ้า ก็จะลดลง ทำให้ระบบโวลต์ไลน์ จึงไม่จำเป็นต้องมี สายลำโพงที่มีขนาดใหญ่ เพราะมีกระแสไฟฟ้าผ่านน้อย และ ในสายสำหรับติดตั้งภายนอก มักจะมีสายสลิง เพื่อป้องกันการฉีกขาดของสายติดมาด้วย

 

เปรียบเทียบระบบเสียงโวลต์ ไลน์ ( Volt Line ) กับ ระบบโอห์ม Low-Ohm

เมื่อพูดถึงระบบ ระบบเสียงโวลต์ ไลน์ ( Volt Line ) เรากำลังพูดถึงการตั้งค่าระบบเสียง เพื่อกระจายเสียงไปในระยะทางไกลๆ ซึ่งไม่เหมือนกับระบบโอห์ม ไฮไฟที่ใช้สำหรับฟังเพลงภายในห้อง หรือระบบเสียงคอนเสิร์ต ซึ่งต้องการพลังเสียงที่หนักแน่น และรายละเอียดเสียงที่ครบถ้วน สมจริงแก่ผู้ฟัง

ยกตัวอย่าง

 

(https://happymag.tv/download-festival-uk-is-going-virtual-thank-the-rock-gods/)

 

ผู้ชมคอนเสิร์ต จะได้เห็นการแสดงที่อยู่ต่อหน้า บนเวทีบนเวทีจากซ้ายไปขวา เสียงจะถูกส่งตามลำดับ ตามตำแหน่งเครื่องดนตรี การแสดงบนเวที ส่วนมากที่พบเห็นจะเป็นระบบสเตอริโอ คือ 180 องศา

 

 

ส่วนผู้ชมภาพยนตร์ เสียงจะถูกกระจายไปทั่วโรงภาพยนต์ หรือในห้องลักษณะ home theater โดยติดตั้งลำโพงไว้ทั่วพื้นที่ เพื่อจำลอง สถานที่ เหตุการณ์ สถานการณ์ ที่เกิดขึ้น เปรียบเสมือนผู้รับชมอยู่ในเหตุการณ์ เสียงจะเป็นแบบรอบทิศทาง คือ 360 องศา

แต่ ระบบเสียงโวลต์ ไลน์ ( Volt Line ) จะเลือกทำงานกับช่วงความถี่ที่จำเป็น และมีช่วงค่อนข้างจำกัด รายละเอียดเสียงจะไม่มากเท่า ระบบ Low-Ohm ส่วน เสียงเพลง จะเป็นเพียง background music เท่านั้น และอาจแตกต่างกันไปในแต่ละห้อง ขึ้นอยู่กับการตั้งค่าระบบเสียง

 

ระบบเสียงโวลต์ ไลน์ ( Volt Line ) เหมาะกับคุณหรือไม่?

ควรเลือกใช้ ระบบเสียงโวลต์ ไลน์ ( Volt Line ) ก็ต่อเมื่อ?

1.กระจายเสียง Background music ในหนึ่งห้อง หรือหลายๆห้อง ในธุรกิจเชิงพาณิชย์ ยกตัวอย่างเช่น ห้างสรรพสินค้า โรงแรม ร้านอาหาร สถานที่ฝึกอบรม ยิมออกกำลังกาย เป็นต้น

2.จำเป็นต้องประกาศ หรือเลือกประกาศ เฉพาะในบริเวณใดบริเวณหนึ่ง เพื่อแจ้งข่าว รายละเอียด โดยที่ไม่สามารถประกาศ หรือออกอากาศผ่านระบบส่วนกลางทีเดียวได้

3.ต้องเผชิญกับห้องที่ไม่อำนวยต่อเสียงที่ดี ยกตัวอย่าง ห้องที่มีความก้องของเสียงที่มาก การกระจายลำโพงขนาดเล็ก หลายๆใบไปทั่วบริเวณ สามารถช่วยลดปัญหานี้ได้

4.ใช้ประกาศด้านความปลอดภัยและความมั่นคง เช่นระบบเตือนภัยต่างๆ เป็นต้น

 

ข้อควรรู้ในการต่อ ระบบเสียงโวลต์ ไลน์ ( Volt Line )

1.การส่งสัญญาณเสียงจะต้องเป็นแบบโมโน (Mono) เสมอ

2.การใช้งานจะต้องมี เพาเวอร์แอมป์ และ ลำโพง ที่รองรับ ระบบเสียงโวลต์ ไลน์ ( Volt Line ) อย่างน้อยอย่างละ 1ตัว

3. เลือก ลำโพงให้เหมาะสมกับกำลังขยายของเพาเวอร์แอมป์ โดย การคำนวณระบบโวลต์ไลน์ แค่น้ำกำลังวัตต์ของดอกลำโพง ที่ต่อพ่วงมาบวกกัน เช่น ต้องการติด ลำโพงเพดาน ขนาด 10 วัตต์ ทั้งหมด 10 ใบ กำลังวัตต์รวมกันได้  100 วัตต์ วิธีการเลือกเพาเวอร์แอมป์ คือ เลือกเพาเวอร์แอมป์ที่มีกำลังวัตต์ 100 วัตต์ขึ้นไป

4.จำเป็นต้องแยกเพาเวอร์แอมป์สำหรับการแบ่งเสียงในโซนต่างๆ

5.เสียงสามารถส่งสัญญาณเสียงไปได้ในระยะทางที่ไกลกว่าระบบ PA หรือ HiFi

6.เพาเวอร์แอมป์มี กำลังวัตต์ค่อนข้างต่ำ (เช่น 120 วัตต์)

 

 

เอาต์พุตของลำโพงใน ระบบเสียงโวลต์ ไลน์ ( Volt Line ) มักจะมีหลายค่าให้เลือก ยกตัวอย่าง เช่น 1.9W, 3.8W, 7.5W, 15W ซึ่งส่งผลต่อความดังของลำโพง โดยการลดลงครึ่งหนึ่งของกำลังวัตต์ จะทำให้เสียงลดลง 3 dB ยกตัวอย่าง ถ้าความดังลำโพงที่ 15W อยู่ที่ 100 dB ถ้าปรับลดลงเหลือ 7.5W ความดังจะลกลง 3 dB เหลือ 97 dB นั่นเอง

จะเห็นได้ว่า วัตต์ ใน ระบบเสียง โวลไลน์ อาจจะมีในปริมาณที่ไม่มาก แต่สำหรับร้านอาหารที่มีพื้นที่ 80 ตารางเมตร สำหรับเปิดเพลงเป็น Background การกระจายลำโพงเพียง 10 วัตต์ จำนวน 4ใบก็ถือว่าเพียงพอแล้ว

ในการเลือก 100V หรือ 70V จะขึ้นอยู่กับการส่งสัญญาณ ในระยะที่ไกลมากน้อยแค่ไหน

 

เพาเวอร์แอมป์

เพาเวอร์แอมป์ ระบบเสียงโวลต์ ไลน์ ( Volt Line ) ทั่วไปมักจะมีจำนวนอินพุตและเอาท์มากกว่าหนึ่ง เพื่อประโยชน์ในการเชื่อมต่ออุปกรณ์เสียง อุปกรณ์สื่อสาร และกลุ่มลำโพง ในบริเวณ หรือโซน ต่างๆ เข้าด้วยกัน

จากอุปกรณ์ที่มีให้เลือกมากมาย ความต้องการในการใช้งานเป็นสิ่งที่สำคัญ ตัวอย่างเช่น หากคุณต้องการเพียงโปรแกรมเดียว (เช่น เปิดเพลงจากซีดี) แล้วส่งไปยังกลุ่มของลำโพง ซึ่งอยู่ในบริเวณเดียวกัน อุปกรณ์ด้านบนจะถือว่าเพียงพอสำหรับคุณ

 

ในทางกลับกัน หากคุณต้องการควบคุมระดับเสียงของห้องต่างๆ เลือกเปิดใช้งานในแต่ละโซนที่ต้องการ  และรวมอุปกรณ์ต่างๆ เช่น เครื่องเล่นซีดี ไมโครโฟนประกาศ ควรเลือกใช้แอมพลิฟายเออร์แบบโมดูลาร์ (modular amp)

 

 

ลำโพง

เรียกได้ว่าเป็นปลายทางของระบบเสียง ทำหน้าที่เปลี่ยนพลังงานไฟฟ้า เป็นเสียงให้เราได้ยิน และเรียกได้ว่าเป็นอุปกรณ์ที่สำคัญที่สุดในระบบเสียง

เพื่อให้เห็นภาพรวม ใน ลำโพง ระบบเสียงโวลต์ ไลน์ ( Volt Line ) ที่มีให้เลือกมากมาย AT Prosound ได้รวบรวมหลักเกณฑ์ในการเลือกใช้มาดังต่อไปนี้

• a) เอาต์พุต (RMS = Root Mean Square/quadratic mean)
• b) ความไวลำโพง (sensitivity)
• ค) เสียง
• d) ขนาดพื้นที่การติดตั้ง และการติดตั้ง

 

เอาต์พุต (RMS = Root Mean Square/quadratic mean)

ระดับเสียงของลำโพง การวัดความดังเสียงที่เชื่อถือได้อย่างหนึ่งคือ RMS เป็นการตรวจสอบประสิทธิภาพความดังอย่างต่อเนื่องของลำโพงในช่วงความถี่เสียงทั้งหมด แตกต่างจาก Peak ซึ่งเกิดเพียงช่วงวินาทีเท่านั้น ดังนั้นจึงไม่ใช่การวัดที่เชื่อถือได้

 

ความไวลำโพง (sensitivity)

ตัวบ่งชี้ที่ดีของประสิทธิภาพลำโพง ระบุไว้ในหน่วยความดังเสียง (dB) ตรวจสอบได้โดยการจ่ายไฟให้กับลำโพงที่ 1W และวัดความดังเสียง ด้วยไมค์ที่อยู่ห่างออกไป 1 เมตร

ข้อมูลดังกล่าวจะถูกระบุไว้ในสเปคของดอกลำโพง ยกตัวอย่างวัดได้ที่ 96dB จะระบุไว้ว่า “96 dB / W /m”

หมายความว่า ที่แหล่งจ่ายไฟ 1 วัตต์ ระดับความดังเสียงของลำโพงที่ระยะ 1 เมตร คือ 96 เดซิเบล

ทุกการเพิ่มกำลังวัตต์เป็นสองเท่า เท่ากับเพิ่มระดับความดังเสียงเป็น 3 เดซิเบล ดังนั้น หากคุณมีลำโพง 2ใบ ที่มีความดังแตกต่างกัน 6 dB เช่น 96 dB ถึง 102 dB ลำโพงที่มีประสิทธิภาพต่ำกว่า ใบ 96 dB จะต้องใช้พลังงานถึงสี่เท่า เพื่อชดเชยความแตกต่างของประสิทธิภาพนี้!

ดูได้จากตาราง

(ขอบคุณรูปจาก https://www.thomann.de/intl/th/index.html)

 

เสียง

มีความสำคัญกับ ระบบเสียงโวลต์ ไลน์ ( Volt Line ) อย่างมาก มักจะรวมอยู่ใน Spec Sheet ซึ่งระบบเสียงที่สมบูรณ์ ควรมีการตอบสนองความถี่ที่ราบเรียบ (Flat)  แต้ด้วยจุดประสงค์ของระบบ Volt line มักจะเน้นที่เสียงพูดเป็นหลัก และบ่อยครั้งก็ต้องเจอกับห้องที่มีเสียงสะท้อนที่สูง เช่น ในโบสถ์

การอ่านสเปค สำหรับลำโพงระบบเสียงโวลต์ ไลน์ ( Volt Line )

Equipped with: 1x 8″” LF, 1x 3/4″” HF, emission angle: 90° h x 70° v

หมายความว่า:

• มีลำโพงทั้งหมด 2ใบ
• วูฟเฟอร์ เสียงต่ำ ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 8 นิ้ว 1ใบ
• ทวีตเตอร์ เสียงแหลม ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง ¾ นิ้ว 1ใบ
• มุมกระจายเสียงแนวนอน 90 องศา แนวตั้ง 70 องศา

 

ขนาดพื้นที่การติดตั้ง และการติดตั้ง

สุดท้าย คุณต้องคำนึงถึงประเภทการติดตั้ง และพิจารณาด้วย

ตัวอย่างเช่น

-หากต้องการฝังลำโพง ลงในเพดาน จะต้องเลือก ลำโพงเพดาน (Ceiling speaker) และต้องสังเกตความลึกในการติดตั้ง และความหนาของเพดาน

-ถ้าติดตั้งติดผนัง ต้องเลือก ลำโพงติดผนัง (Wall speaker) และจำเป็นต้องมีต้องมีขายึดที่เหมาะสม แข็งแรง

-หากพื้นที่มีปัญหา เสียงสะท้อน ก้อง ลำโพงที่ใช้จะต้องเป็นลำโพง ที่ควบคุมมุมกระจายเสียงได้ดี ยกตัวอย่าง ลำโพงคอลัมน์ (Column Speaker) ลำโพงไลน์อาเรย์ (Line array)

หากต้องติดตั้งลำโพง ในพื้นที่ภายนอกที่ไม่มีหลังคา หรือผ้ายางคลุม จะต้องเลือกลำโพงที่ทนฝนและแดดได้ โดยจะมีค่า IP ซึ่งสามารถอ่านเพิ่มเติมได้ที่ ลำโพงกันน้ำ กันน้ำได้จริงหรือ?

 

ยกตัวอย่างบางส่วนของประเภทลำโพง

 

ติดตั้งในอาคาร เพดานหรือผนัง ความดังปานกลาง

 

 

 

จะเห็นได้ว่าเป็นการกระจายเสียงเพียงแหล่งกำเนิดเดียว ไปยัง Mixer Power amp เสร็จแล้วกระจายเสียงไปยังลำโพงในแต่ละโซน ผ่านเครื่องควบคุมระดับเสียง ทำให้สามารถปรับลดความดังเสียงในแต่ละโซนได้อย่างอิสระ ระบบนี้เหมาะกับ ร้านอาหาร ที่ต้องการเพียงเปิดเพลงเป็น Backgroup Music

 

(ขอบคุณรูปจาก https://www.thomann.de/intl/th/index.html)

 

จะเห็นได้ว่าแหล่งกำเนิดเสียงมีมากกว่าหนึ่ง อาจใช้ทั้งการเปิดเพลง และการประกาศ สื่อสาร โดยเสียงเหล่านี้จะถูกรวมเข้าศูนย์กลาง แล้วการจายเสียงออกไปยังลำโพงต่างๆ โดยใช้ละช่อง ทำให้สามารถควบคุมความดัง ตลอดจนสามารถเลือกแหล่งสัญญาณเสียง ที่ต้องการให้ออกในแต่ละโซนแยกกันได้ ยกตัวอย่าง เช่น ต้องการให้เสียงประกาศออกเฉพาะโซน Office โดยที่โซนอื่นยังเปิดเพลงอยู่ ซึ่งนิยมใช้ตาม โรงแรม ตลอดจน ห้างสรรพสินค้า

สิ่งที่ควรรู้ก่อนเลือกซื้ออุปกรณ์ ระบบเสียงโวลต์ ไลน์ ( Volt Line )

1. จำนวนแหล่งกำเนิดเสียง ที่ต้องการเชื่อมต่อ (เครื่องเล่นซีดี เครื่องเล่น DVD เทป ฯลฯ)
2. ต้องการไมโครโฟนจำนวนเท่าไร จุดที่ต้องการใช้ประกาศมีทั้งหมดกี่ที่
3. พื้นที่/โซน ต้องการควบคุมความดัง หรือเสียงที่ออกลำโพง แยกกันหรือไม่
4. ต้องการให้ระบบเสียงใช้งานร่วมกับระบบแจ้งเตือน ความปลอดภัย หรือไม่

 

สรุป

จากเนื้อหาข้างต้น ผู้อ่านทราบได้ว่า ระบบเสียงโวลต์ ไลน์ ( Volt Line ) เป็นหัวข้อที่สมควรได้รับการพิจารณา ล่วงหน้าอย่างเหมาะสม เพื่อให้แน่ใจว่า ต้องการอะไร และระบบประเภทนี้ จะเป็นตัวเลือกที่เหมาะสม สำหรับตามต้องการหรือไม่

เพื่อให้ได้ระบบที่ถูกต้อง AT Prosound จึงมีคำแนะนำดังต่อไปนี้

-ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญจะได้ผลลัพธ์ที่ดีอย่างแน่นอน

-หากมีประสบการณ์เพียงเล็กน้อย หรือไม่มีเลยในระบบดังกล่าว แนะนำให้บริษัทผู้เชี่ยวชาญติดตั้ง

-หากระบบเกี่ยวข้องกับความปลอดภัย ต้องปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ

• Facebook
• Twitter
• Line