9 เหตุผล ทำไมต้องใช้ ? ลำโพงมอนิเตอร์

Monitor Speakers

ลำโพงมอนิเตอร์ มีบทบาทสำคัญในการผลิตงานด้านเสียง โดยเฉพาะอย่างยิ่งก็คือการผลิตงานเพลง และเป็นคุณลักษณะทั่วไปจนเป็นเรื่องปกติ ที่จะมีลำโพงมอนิเตอร์อยู่ในโฮมสตูดิโอ หรือห้องบันทึกเสียง แต่เหตุผลอะไรล่ะ ? ที่ทำให้ลำโพงมอนิเตอร์ มีความสำคัญกับงานสตูดิโอ

ลำโพงมอนิเตอร์

ลำโพงมอนิเตอร์มีความสำคัญต่อการ Recording , Mixing และ Mastering เพราะลำโพงประเภทนี้ ให้ย่านเสียงที่ชัดเจน แม่นยำ และมีไดนามิคของเสียง ที่จะช่วยให้คุณสามารถหาข้อบกพร่องในเสียง และทำการมิกซ์เพื่อแก้ไขได้ ซึ่งจะแตกต่างจากลำโพงทั่วไป ที่มีการปรุงแต่งเสียงสำหรับการฟังในเชิงสุนทรีมาแล้ว ดังนั้นจึงทำให้ลำโพงมอนิเตอร์มีความเที่ยงตรงมากกว่า และเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด ในการผลิตงานด้านเสียงได้อย่างมีคุณภาพ ดังนั้นบทความนี้จะเป็นการอธิบายเกี่ยวกับลำโพงมอนิเตอร์ ว่ามีความแตกต่างจากลำโพงทั่วไปอย่างไร และเหตุใด จึงทำให้ลำโพงมอนิเตอร์มีความสำคัญกับงานสตูดิโอ อย่างไรก็ตาม หวังว่าบทความนี้จะเป็นไกด์ไลน์ สำหรับผู้ที่กำลังมองหาลำโพงสักคู่ เพื่อใช้งานด้านการผลิตงานเพลงได้ไม่มากก็น้อยครับ

 

ลำโพงมอนิเตอร์ คือ ? ต่างจากลำโพงทั่วไปอย่างไร ?

เมื่อมองแว็บแรก เราอาจจะเข้าใจผิดว่าลำโพงมอนิเตอร์ คือ ลำโพง Hi-Fi เพราะมันมีความคล้ายคลึงกันอย่างเห็นได้ชัด อย่างไรก็ตาม ลำโพงมอนิเตอร์ได้รับการออกแบบมาเพื่อให้มีฟังก์ชั่น ที่ให้เสียงที่มีความเป็นธรรมชาติมากกว่าลำโพงทั่วไป ที่ถูกปรุงแต่งเสียงให้มีเสียงที่ดีสำหรับการฟัง ตั้งแต่ขั้นตอนการผลิตลำโพงมาอยู่แล้ว แต่ลำโพงมอนิเตอร์ ให้การตอบสนองย่านความถี่ที่แม่นยำ ช่วยให้คุณได้ยินสิ่งที่บิดเบือน และใช้มิกซ์ได้ดีกว่า เพื่อสร้างเสียงที่มีคุณภาพสูง

 

อ่านบทความที่เกี่ยวข้อง

ทำไมต้องใช้ ? ลำโพงมอนิเตอร์

สมมติว่า… คุณกำลังสงสัยว่า “ลำโพงมอนิเตอร์สำคัญอย่างไร หรือทำไมจึงต้องใช้ลำโพงมอนิเตอร์ในโฮมสตูดิโอ สำหรับการผลิตงานเสียงระดับมืออาชีพ” 9 เหตุผลต่อไปนี้ สามารถไขข้อสงสัยเหล่านี้ได้ 

  • เหตุผลข้อที่ 1 : เสียงที่ไม่บิดเบือน

ข้อเสียอย่างหนึ่งของลำโพงทั่วไป ก็คือ แนวโน้มที่เสียงจะเกิดการบิดเบือน หรือเกิดการ Distortion ของเสียง จากการปรับระดับความดังของเสียง นั่นเป็นเพราะว่า ไดร์เวอร์ และแอมป์ของลำโพง ไม่สามารถให้เสียงที่ไม่ผิดเพี้ยน ในระดับความดังที่สูงขึ้นได้ แต่ลำโพงมอนิเตอร์ในสตูดิโอ มาพร้อมกับไดร์เวอร์ และแอมป์ที่ถูกออกแบบมาเป็นอย่างดี ซึ่งสามารถรองรับการทำงานในระดับความดังที่สูงขึ้น ทำให้เสียงไม่มีความผิดเพี้ยนไป ด้วยเหตุนี้เอง เราจึงมั่นใจได้เลยว่า เราจะได้ยินเสียงที่แม่นยำสำหรับการมิกซ์

 

  • เหตุผลข้อที่ 2 : การตอบสนองที่เที่ยงตรง

การตอบสนองความถี่ที่เที่ยงตรง ถือว่าเป็นคุณสมบัติที่สำคัญของลำโพงมอนิเตอร์ เมื่อเราทำการมิกซ์เพลง เราก็ต้องการให้เพลงนั้นมีคุณภาพเสียงที่ดี กับลำโพงทุกประเภทเป็นธรรมดา เพื่อให้ตอบโจทย์ในข้อนี้ ก่อนอื่นเราจะต้องได้ยินเสียงที่มีสถานะเป็นกลางเสียก่อน และนี่คือวัตถุประสงค์ที่ลำโพงมอนิเตอร์ถูกสร้างขึ้นมา เมื่อเราฟังเพลงจากลำโพงมอนิเตอร์ เราจะไม่ได้ยินสิ่งที่เกินจริงของช่วงความถี่ นั่นจึงทำให้เราสามารถได้ยินถึงความไม่สมบูรณ์ของการมิกซ์ หรือสามารถที่จะได้ยินเสียงเครื่องดนตรีใด ๆ ได้อย่างชัดเจน ยกตัวอย่าง เช่น เสียงเบสกว้างเกินไป เสียงนักร้องจมเกินไป เป็นต้น เหตุนี้เราจึงสามารถที่จะแก้ไขการมิกซ์ได้อย่างง่ายดาย

 

  • เหตุผลข้อที่ 3 : ความเป็นลำโพง Active

โดยทั่วไปแล้ว… ลำโพง Passive หมายถึง ลำโพงที่ต้องใช้ Amplifier หรือเครื่องขยายเสียงแยกต่างหาก เพื่อช่วยให้ลำโพงมีกำลังพอที่จะขับสัญญาณเสียงออกมา ส่วนลำโพง Active หมายถึง ลำโพงที่มีภาคขยายภายในตัว ดังนั้นเราจึงสามารถที่จะเชื่อมต่อลำโพง Active เข้ากับแหล่งที่มาของเสียงได้โดยตรง (เช่น Monitor Controller หรือ Audio Interface) ด้วยเหตุนี้ลำโพงมอนิเตอร์ ที่เป็น Active จึงให้การตอบสนองที่รวดเร็ว และแม่นยำมากขึ้น

 

  • เหตุผลข้อที่ 4 : เพาเวอร์แอมป์ต่อลำโพงหนึ่งใบ

ภายในลำโพงมอนิเตอร์ประเภท Active จะมีภาคขยายที่เป็นแบบ Multiple Power Amps ต่อลำโพง 1 ใบ ดังนั้นทั้ง Woofer , Mid Range และ Tweeter จะได้รับกำลังการขับเสียงแยกกัน ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้ก็คือ ความละเอียด และความชัดเจนของคุณภาพย่านเสียงต่าง ๆ

ลำโพงมอนิเตอร์

KALI Audio IN-8
9 เหตุผล ทำไมต้องใช้ ? ลำโพงมอนิเตอร์
ขอบคุณรูปภาพจาก Sweetwater

 

  • เหตุผลข้อที่ 5 : คุณภาพของภาคขยาย

ในด้านการตลาดสำหรับลำโพงทั่วไปมีการแข่งขันที่สูงมาก เนื่องจากกลุ่มผู้ใช้มีความต้องการลำโพงทั่วไปเพื่อฟังเพลง สูงกว่าลำโพงมอนิเตอร์ที่ใช้ในโฮมสตูดิโอโดยเฉพาะ ดังนั้นทางผู้ผลิตลำโพงทั่วไป มักจะใช้ส่วนประกอบในการผลิตภาคขยายของลำโพง ในเกรดที่ไม่สูงมากนัก เพื่อที่จะผลิตลำโพงได้หลายจำนวนด้วยต้นทุนที่ถูกกว่า จึงทำให้ลำโพงทั่วไปมักจะมีความทนทาน และอายุการใช้งานเฉลี่ยที่น้อยกว่าลำโพงมอนิเตอร์ และในทางกลับกัน ภาคขยายของลำโพงมอนิเตอร์ ถูกผลิตด้วยส่วนประกอบที่มีคุณภาพสูง ด้วยเหตุนี้ ลำโพงมอนิเตอร์ จึงให้คุณภาพเสียง และการตอบสนองที่ดีกว่านั่นเอง

 

  • เหตุผลข้อที่ 6 : Dynamic Range

Dynamic Range ของลำโพงจะเป็นตัวกำหนดว่า เราจะได้เสียงที่ไพเราะ และมีคุณภาพสูงหรือไม่ ความหมายของ Dynamic Range ก็คือ ความแตกต่างระหว่างความเข้มของเสียงสูงสุด และต่ำสุด ยกตัวอย่าง เช่น เมื่อเราเปิดเพลงที่มีช่วง Dynamic Range ต่ำสุดที่ -30dB และสูงสุดที่ -1dB ด้วยลำโพงที่มีช่วง Dynamic Range 20dB ดังนั้นความเข้มของเสียงที่ต่ำกว่า -21dB ลงไป ลำโพงตัวนั้นจะไม่สามารถขับออกมาได้ หรือเราอาจจะไม่ได้ยิน หรือไม่ก็อาจจะขับออกมาได้ แต่คุณภาพของเสียงอาจจะมีคุณภาพที่ต่ำนั่นเอง ดังนั้นลำโพงมินิเตอร์ที่มีช่วง Dynamic Range ที่กว้าง ก็จะช่วยให้ได้ยินถึงความต่างระหว่างความเข้มของเสียงที่ต่ำสุด และสูงสุดได้ดี อีกทั้งยังช่วยให้สามารถมิกซ์เสียงได้ดีขึ้น

 

  • เหตุผลข้อที่ 7 : Crossovers

การทำงานของ ลำโพงมอนิเตอร์ โดยเฉพาะประเภท Active จะมีวงจร Crossovers คุณภาพสูงวางไว้ก่อนหน้าวงจรภาคขยาย หรือเพาเวอร์แอมป์ เพื่อทำหน้าที่ในการแยกย่านความถี่ออกจากกัน ก่อนที่จะส่งสัญญาณเสียงแต่ละย่านไปยังภาคขยายแต่ละตัว ยกตัวอย่าง เช่น ถ้าเป็นความถี่ย่านต่ำ เสียงก็จะถูกส่งไปยังภาคขยายของ Woofer , ความถี่ย่านกลาง ก็จะถูกส่งไปยังภาคขยายของ Mid Range และความถี่ย่านสูง ก็จะถูกส่งไปยังภาคขยายของ Tweeter เพื่อที่เราจะได้เสียงที่ชัดเจน และมีรายละเอียดมากขึ้น

  • เหตุผลข้อที่ 8 : ความเหมาะสม

ความเหมาะสมเป็นอีกหนึ่งเหตุผล ที่ทำให้ลำโพงมอนิเตอร์คุ้มค่าแก่การใช้งานในสตูดิโอ อย่างที่ได้กล่าวไว้ข้างต้น หากเราต้องการที่จะให้เพลงที่เรามิกซ์ มีคุณภาพเสียงที่ดีกับลำโพงทุกประเภท เราจึงจำเป็นต้องมีลำโพงที่มีความเป็นกลาง ตรงไปตรงมามากที่สุด เพื่อที่จะได้คุณภาพเสียงที่แท้จริง ไม่หลอกหูผู้ฟัง ซึ่งลำโพงมอนิเตอร์ ก็ถือว่ามีความเหมาะสม และตอบโจทย์จุดประสงค์ข้อนี้มากที่สุด

 

  • เหตุผลข้อที่ 9 : เสียงคุณภาพสูง

จากมุมมองของผู้ฟังแล้ว ประเด็นนี้อาจเป็นที่ถกเถียงกันอยู่ นั่นเป็นเพราะว่า ลำโพงทั่วไปถูกออกแบบมาสำหรับการฟัง คุณภาพของเสียงที่มักจะได้รับการปรุงแต่งมาก่อนอยู่แล้ว เพื่อทำให้เป็นมิตรกับผู้ฟังมากที่สุด แต่ในขณะที่ลำโพงมอนิเตอร์ที่มีความตรงไปตรงมากับผู้ฟังมากกว่า ดังนั้นเมื่อได้ฟังการเปรียบเทียบกันระหว่างลำโพงทั้งสองประเถท รับรองได้เลยว่า คุณจะได้ยินถึงความแตกต่างของเสียง และคุณจะได้รับประสบการณ์การฟังที่คุ้มค่าอย่างแน่นอน 

YAMAHA HS5
9 เหตุผล ทำไมต้องใช้ ? ลำโพงมอนิเตอร์
ขอบคุณรูปภาพจาก Victor Bailey

สรุป

ลำโพงมอนิเตอร์เป็นสิ่งที่จำเป็น หากคุณต้องการเข้าสู่วงการเพลง หรือวงการผลิตงานด้านเสียง เช่นเดียวกับแพทย์ที่ต้องมีหูฟังแพทย์ เพื่อใช้ฟังเสียงการเต้นของหัวใจ ในการวินิจฉัยอาการของคนไข้ คนทำงานด้านเสียงเอง ก็ย่อมต้องการลำโพงมอนิเตอร์ เพื่อตรวจเช็คว่าเพลงนั้นมีคุณภาพเสียงที่น่าพอใจหรือไม่ ดังนั้นการมิกซ์เสียงในสตูดิโอโดยใช้ลำโพงทั่วไป หรือลำโพงที่ถูกออกแบบมาเพื่อการฟังเพลงในเชิงสุนทรี ไม่ใช่ว่าลำโพงประเภทนี้ไม่มีคุณภาพ แต่เพียงแค่วัตถุประสงค์การใช้งาน อาจจะไม่สอดคล้องกันเท่านั้นเอง อย่างไรก็ตาม ด้วยลำโพงมอนิเตอร์ คุณจะได้รับถึงคุณภาพเสียงที่เป็นกลาง และชัดเจน ซึ่งคุณสามารถใช้คุณสมบัตินี้ของลำโพงมอนิเตอร์ เพื่อคุณภาพเสียงในงานของคุณได้อย่างประสิทธิภาพนั่นเอง

 

บทความโดย : ณัฐพจน์ วิจารัตน์
บทความอ้างอิง :
9 Reasons Why Studio Monitors Are Important by Vinnie (Home Studio Expert)


สินค้าแนะนำตามความสนใจ

สินค้าสั่งจอง
สินค้าสั่งจองล่วงหน้า
฿79.00฿7,900.00 (รวม VAT 7% แล้ว)
สินค้าสั่งจอง
สินค้าสั่งจองล่วงหน้า
฿55.00฿5,500.00 (รวม VAT 7% แล้ว)
฿135.00 (รวม VAT 7% แล้ว)
สินค้าสั่งจอง
สินค้าสั่งจองล่วงหน้า
฿44.00฿3,500.00 (รวม VAT 7% แล้ว)
฿145.00 (รวม VAT 7% แล้ว)
สินค้าสั่งจอง
สินค้าสั่งจองล่วงหน้า
฿93.00฿7,400.00 (รวม VAT 7% แล้ว)
สินค้าสั่งจอง
สินค้าสั่งจองล่วงหน้า
฿34.00฿2,700.00 (รวม VAT 7% แล้ว)
สินค้าสั่งจอง
สินค้าสั่งจองล่วงหน้า
฿71.00฿5,700.00 (รวม VAT 7% แล้ว)

บทความที่คุณอาจชอบ ในหมวดหมู่เดียวกัน

ใส่ความเห็น